“แอร์ ภัณฑิลา ย้อนเล่าเหตุการณ์เกือบเสียลูกในท้อง ร้องไห้โฮ หมอแนะกินยากันแท้ง แล้วรีบไป รพ.ด่วน!” นักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ แอร์ ภัณฑิลา ที่วันนี้จะมาอัปเดตอายุครรภ์ 8 เดือน พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้คุณแม่ป้ายแดงเสียน้ำตา เพราะเกือบสูญเสียลูกน้อยในท้อง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญาและ อาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ วันนี้กี่เดือนแล้ว? แอร์ : วันนี้ 8 เดือนกว่า แล้วอีกไม่ถึงเดือนคลอดแล้ว ความตื่นเต้นของคุณแม่มือใหม่เป็นยังไงบ้าง? แอร์ : หนูตื่นเต้นพูดกับหลายๆ คนตลอดเวลาว่า ฉันจะเป็นคุณแม่ที่ดีได้ไหมนะ  ฉันจะพร้อมไหมนะ เข้าเต้า ลูกฉันหิวฉันจะทำยังไง ก็กังวล อย่างแม่แอร์ก็บอกว่าพยายามเลี้ยงเองก่อน อย่าให้พี่เลี้ยง เลี้ยงเยอะ เขาก็เป็นห่วง แม่หมวยจะได้เป็นคุณยายแล้ว ตื่นเต้นไหม? แม่หมวย : ตื่นเต้นมากค่ะ แนะนำเขาให้ทานอาหารให้เป็นเวลา ยาอย่าให้ขาด แอร์ : แม่บอกเลยตกลงจะผ่าหรือคลอดธรรมชาติ เพราะแม่เขาเคยคลอดธรรมชาติและผ่าด้วย แม่หมวย : ไม่ไหว อยากให้ผ่า แม่ว่าแผลผ่ามันรักษาง่ายกว่า เราก็เป็นห่วงมาก เพราะเขาตัวเล็ก ลูกเขาจะโตไหม แอร์ : ด้วยความที่พี่น้องคนอื่นเขาท้องธรรมชาติกันหมด พอมาเป็นเราเนี่ย ตกลงลูกจะแข็งแรงไหม แบบเด็กวิทยาศาสตร์ เพราะบางคนจะเชื่อเลยว่าเด็กที่ทำขึ้นมาจะไม่แข็งแรงเท่าเด็กปกติ ตอนนี้พัฒนาการเบบี๋ในท้องแอร์เป็นยังไงบ้าง? แอร์ : จากตอนนั้นเบบี๋ยังไม่ถึงโลเลย ปัจจุบันนี้ประมาณ 2 โลแล้วค่ะ อาทิตย์นึงขึ้น 2 ขีด เขาดิ้นแรงมาก เห็นว่าล่าสุดมีอาการตื่นเต้นเกิดขึ้นด้วย เจอสภาวะท้องแข็ง? แอร์ : ถูกต้องค่ะ พี่จำได้ไหมเราไปเจอกันล่าสุดที่ทำงาน แอร์คิดมาเสมอว่าคนท้องไม่ใช่คนป่วย เรารับงานได้ เราเป็นแม่ที่แข็งแรง วันนั้นอยู่ประมาณ 10-11 โมง ไปจนถึงเที่ยงคืนกว่า แล้วกลับถึงบ้านประมาณ ตี1 กว่า ปรากฏว่าตอนจะนอนมันมีภาวะท้องเกร็งหรือว่าท้องแข็ง แข็งปุ๊บแล้วก็คลาย ซึ่งมันเป็นอาการที่สามารถบ่งชี้ได้ว่า กระตุ้นเหมือนลูกพร้อมคลอด แต่จริงๆ แล้วเหมือนเราเดินเยอะหรือทำกิจกรรมเยอะจนเกินไป แล้วมันคงเป็นสภาวะที่ท้องแข็ง ไปเร่งเขาในบางที ซึ่งวันรุ่งขึ้นไปหาคุณหมอ ปรากฏว่าคุณหมอบอกว่าอย่างน้อยมันมีสาเหตุ เพราะหนูไปทำงานอย่างหนักมา พอคุณหมอบอก แอร์มีความกังวลหรือระวังตัวมากขึ้นไหม? แอร์ : วันรุ่งขึ้นตอนเช้ายังรู้สึกแข็งๆ อยู่เลยนะคะ พอเจอคุณหมอปุ๊บ นิ่งกริบ ไม่ดื้อ ไม่ซน คุณหมอบอกไม่เห็นเป็นไรเลย หนูบอกเป็น บ้านหลังนี้มีกฎด้วย? แม่หมวย : ต้องขับรถเป็น เพราะต้องช่วยเหลือตัวเอง เพราะบ้านเราไม่มีใครดูแลเขา ลูกน้องก็ผู้ชาย ไม่สามารถให้ลูกน้องผู้ชายไปรับลูกเราได้ เพราะลูกเราผู้หญิง  แอร์ : คือเขากลัว ถ้าสมมติแม่ไม่อยู่บ้านให้อยู่กันเองพี่ น้อง 4 คน ถ้ามีใครเป็นอะไรพาไปส่งโรงพยาบาล สมัยก่อนมันไม่ได้มีสายด่วน ไม่ได้มีอะไรขนาดนี้ คือเด็กๆ จะเป็นฟิลแบบว่าถ้าใครเป็นอะไรให้ขับรถไปส่งโรงพยาบาลได้เลย คุณแม่ดุมาก? แอร์ : เขาจะดุแต่กับลูกน้องหรือใครที่ทำไม่ถูกต้อง แต่กับลูกแม่จะไม่ค่อยดุ เราจะสังเกตว่าแม่พยายามใจดีกับเรา แต่บางทีเขาก็มี ปัญหาการทำรถใหญ่ ลูกน้องทิ้งรถ ลูกน้องเมา ลูกน้องตีกัน ทะเลาะกัน เราเห็นเขา เขาเหมือนเจ้าแม่นางพญาเพื่อที่จะคุมลูกน้อง แม่จะเสียงดัง แต่คนที่ดุคือพ่อ แม่จะพูดเสมอว่า แม่เก่งแต่กับลูกน้อง แต่กลัวลูก สมัยก่อนมีช่วงที่แอร์งอแงตอนจะไปโรงเรียน ต้องถักเปียอย่างนี้ แล้วบ้านเราไกล แม่ไม่เคยตี แต่แขนเป็นรอยหวี แล้วเขาจะมีประโยคเด็ดของเขา ไม่อยากไปโรงเรียนใช่ไหม ถ้าไม่อยากไปโรงเรียนก็ไปกินหญ้าหน้าบ้าน แอร์ : มันเป็นช่วงวัยด้วย พอเราโตขึ้นมาเราจะเข้าใจ  แอร์กลับเป็นลูกที่ตื่นก่อน หลังๆ พอเราเริ่มจับจุดได้ เราก็โอเคมานั่งรอดีกว่า เพิ่งรู้เหมือนกันว่าท้องนี้เกือบจะไม่ได้ลูกคนนี้? แอร์ : ช่วงนั้น 3 เดือนแรก ซึ่งมันเป็นระยะระวังของคนที่ท้องอยู่แล้ว เราพยายามทำตามที่คุณหมอบอกนั่นแหละ แต่พอดีว่าช่วงนั้นเป็นช่วงวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นช่วงพีคของการทำงานของร้านดอกไม้ ลูกค้าเยอะมาก บ้านแอร์ไปช่วยทั้งบ้าน แอร์จ้างคนงานเพิ่ม ทำงานเหมือนโรงงานนรกเลย เพราะมันเป็นเหมือนช่วงโอกาสทองของร้านดอกไม้ แค่ปีละคร้้ง เวลามีออเดอร์มาเราก็พยายามทำให้ดีที่สุด ช่วงนั้นเราก็ไม่ค่อยได้นอน ตั้งแต่วันที่ 11-12-13 มันลากมา ทานอาหารอาจจะไม่เป็นเวลา ทีนี้ยาก็มีการเลื่อน พักผ่อนน้อย มีความกังวล ฮอร์โมนเราไม่ปกติ นั่งร้องไห้ เครียด แล้วอยู่ดีๆ พอเราอยากไปเข้าห้องน้ำ ทำไมในชักโครกมันเหมือนมีเลือดออกมา ตกใจ แต่ไหวน้ายังไม่น่าเป็นอะไร คือแอร์เป็นวันที่ 13 กุมภา วันที่ 14 ตอนกลางคืนแล้วประมาณเกือบ 4 ทุ่มแล้ว งานเริ่มใกล้จะเสร็จแล้ว นึกขึ้นมาได้ว่าเราเลือดไหล เราก็เอ๊ะ..ยังคุยกับสามี แอร์บอกไปนี่หว่าว่าแอร์เลือดออก คือลืม เสร็จโทรไปหาคุยหมอ ถามว่าทำยังไงดีเหมือนมีเลือดออกมา แต่ไม่ได้เยอะนะ หนูจะเป็นอะไรไหม คุณหมอพูดว่าให้กินยาที่เคยให้ไปกันแท้ง กินไปเลย 4 เม็ด แล้วไปหาหมอที่ใกล้ที่สุด พอหนูวางจากคุณหมอเสร็จปุ๊บหนูก็โทรหาโรงพยาบาลที่มีหมอสูตินรีเวชตอน 4 ทุ่มบางโรงพยาบาลก็จะมีแค่หมอฉุกเฉิน แต่อันนี้แนะนำให้เป็นหมอสูเลย หนูนั่งหาแล้วร้องไห้ว่าแบบ โรงพยาบาลนี้ไม่มีพี่ช่วยหนูหน่อย  วันนั้นแม่ทำยังไง? แม่หน่อย : ก็บอกว่าใจเย็นๆ เดี๋ยวไปหาหมอ แต่เขาก็ยังห่วงงานอยู่ เขาก็ร้องไห้โฮ เราก็ตกใจ แอร์ : งานมันยังไม่เสร็จด้วย ส่งอีกประมาณ 3-4 ช่อ ติดตามชมรายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama คลิปสัมภาษณ์ แอร์ ภัณฑิลา 

“เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” เผยมรสุมชีวิตหวิดคิดสั้น พร้อมเปิดครอบครัวสุดน่ารัก” เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ นางเอกหน้าเด็กหุ่นเป๊ะตลอดกาล ที่วันนี้จะมาอัพเดทความแสบของลูกสาวสุดน่ารักอย่างน้องโนล่า วัย 3 ขวบ 7 และกับการเปิดปากที่แรกเล่าย้อนเล่ามรสุมชีวิตที่เป็นข่าวดังชั่วข้ามคืนจนเกิดความคิดชั่ววูบหวิดคิดสั้น พร้อมเล่าจุดเปลี่ยนที่ทำให้กลับมาลุกขึ้นยืนและรักตัวเองได้อีกครั้ง ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร โนล่าตอนนี้แสบมาก ? เจนี่ : เป็นช่วงที่มีความคิดเป็นของตัวเอง เริ่มมีความคิดเห็นมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ต้องใช้จิตวิทยาคุยกับเขามากขึ้น เลี้ยงโนล่าจะมีเรื่องให้พีคทุกวัน ? เจนี่ : สมมติเขาทำอะไรผิดแล้วเจนจะเป็นคนไม่ตีลูก เวลาเขาทำอะไรผิดมากๆ ด้วยนิสัยของเจน เจนจะเงียบ เขาก็จะเดินมา “หม่ามี๊ขาหนูขอโทษค่ะ”(ยกมือก้มไหว้) 3 ขวบกว่าตอนนี้เริ่มเถียงแล้วใช่ไหม ? เจนี่ : เถียงจั๊กกะแร้แตกเลย เหมือนเขาจะมีเหตุผลที่เหนือเราอีกชั้นหนึ่ง จะทำอะไรในสิ่งตรงข้ามที่เราไม่ต้องการ อย่างเช่นวันนี้เจนบอกว่าเจนมาทำงาน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ต้องทำงาน บอกเขาว่าหมามี๊ต้องทำงานแล้วเอาสตางค์มาเลี้ยงดูหนู ถ้าหม่ามี๊ไม่มีสตางค์เลี้ยงดูหนู หม่ามี๊จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อข้าวให้หนูกิน เขาถึงเข้าใจ เจนไม่เลี้ยงลูกแบบตามใจเลยแม้แต่นิดเดียว เจนไม่ใช่เด็กโดนสปอยมาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่ดูแลตัวเองเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เลี้ยงทุกคนในบ้าน ถึงเจนจะมีมากแค่ไหนเจนก็จะไม่ดูแลลูกแบบอยากได้ของเล่นชิ้นนี้ซื้อให้เลยเปย์ให้เลยแบบนี้ เจนจะไม่ทำเลย พ่อสปอยไหม ? เจนี่ : ขั้นสุด เจนพูดเลยว่าเราไม่ได้มีหมื่นล้าน ไม่ต้องซื้อเจ็ดสี เจ็ดศอกให้ลูกขนาดนี้ ให้เขาได้อะไรมายากๆบ้าง แบบนี้ไม่เถียงกันหรอ ? เจนี่ : จะเหลือ เถียงกันตลอด ทะเลาะกันทุกวัน พวกเรื่องจุกจิก มันเป็นเรื่องที่คนสองคนมาอยู่ด้วยกันแล้วไม่เคยมีลูก …

“เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” เผยมรสุมชีวิตหวิดคิดสั้น Read More »

“คนค้นฅน” ตอน “ศิลปินนักสู้ทางสุนทรียะ” ศวรรษที่ 2 ของรายการ “คนค้นฅน” ซึ่งผลิตโดย บริษัท ทีวีบูรพาฯ ยังคงเดินทางเพื่อตามหาคุณค่า ตามหาความหมายของชีวิต พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้ผู้ชมผ่าน “คนต้นเรื่อง” วันอาทิตย์ที่ 23 ก.ค. นี้ เวลา 13.00 น. ทางช่อง 9 กด 30 พบกับตอน “ศิลปินนักสู้ทางสุนทรียะ” พบกับเรื่องราวชีวิตของ “อ.เจ๊ะ” ที่แม้ว่าครอบครัวจะไม่มีต้นทุนสนับสนุนให้ขีดเขียนแม้แต่ตัวหนังสือตั้งแต่เด็ก เขาจึงต้องต่อสู้ดิ้นรนทำงานหาเงินประทังชีวิต แลกค่าเทอมจนได้เรียนศิลปะอย่างที่ใฝ่ฝัน ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ทอดทิ้งวัฒนธรรมมลายูท้องถิ่นที่ติดตัวเขามาตั้งแต่กำเนิด จนทำให้เขาสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและได้รับการยอมรับในระดับสากล แต่เมื่อชีวิตพลิกผันให้มาเป็นอาจารย์สอนศิลปะโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาของการขาดแคลนพื้นที่แสดงงานศิลปะ ซึ่งเป็นหัวใจของคนทำงานศิลป์ จึงเป็นแรงผลักดันให้เขาสร้าง ‘หอศิลป์ปัตตานีสเปซ’ ให้กับลูกศิษย์ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ แต่พื้นที่นี้กลับกลายเป็นพื้นที่ที่ช่วยเยียวยาและเชื่อมโยงผู้คนให้รู้สึกปลอดภัยไร้ซึ่งความหวาดระแวงจากเหตุการณ์ความไม่สงบของสามจังหวัดชายแดนใต้ ติดตามเรื่องราวคนค้นฅน ตอน ศิลปินนักสู้ทางสุนทรียะ ที่ #ช่อง9กด30

“มิน พีชญา”เปิดเส้นทางความรักหนุ่มนอกวงการเผยเหตุไม่เปิดหน้า ไขข้อสงสัยไม่รับละคร 2 ปี” มิน พีชญา เปิดใจครั้งแรกกับเส้นทางความรักหนุ่มนอกวงการร่วม 2 ปี พร้อมไขข้อสงสัยทำไมไม่ยอมเปิดหน้าซักที เล่าโมเม้นท์จากเพื่อนกลายมาเป็นคนรู้ใจ เคลียร์ประเด็นเหตุไม่รับงานละครกว่า 2 ปี เพราะอะไร ? ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์และชมพู ธัณย์สิตา เป็นพิธีกร มีละครติดต่อมามากกว่า 100 เรื่อง ปฎิเสธหมดเลย ? มิน : เว่อร์มาก ไม่ถึง 100 เรื่อง ถ้าหลัก 10-20 ถึง จริงๆเราอยากรับละคร เพราะเราก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งที่แสวงหาบทที่เราอยากจะเล่นอยู่เสมอ แล้วมินเป็นคนชอบการแสดง ถ้าเราอ่านบทเราจะรู้ว่าบทนี้เคยเล่นแล้ว พอเราไปเล่นอาจจะรู้สึกว่ามุมมองไม่สามารถจะบิดได้ แสดงว่าที่ยังไม่รับ 2 ปีที่ผ่านมา บทยังไม่โดนใจเรา ? มิน : มองว่าจังหวะ บท และเวลาหลายๆอย่างด้วย ทั้งคิวคนที่จะเล่นด้วยและคิวเรา เราต้องบริหารเวลาในการทำธุรกิจด้วย 2 ปีที่ไม่เห็นหน้าเลยคือหันหน้าไปทำธุรกิจ ? มิน : เป็นธุรกิจที่ช่วยที่บ้านด้วยแล้วก็ของเราด้วย ของเราจะมีธุรกิจอสังหาฯ ทางบ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับห้างวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว ตอนนี้เราก็เข้ามาช่วยบริหารด้วย ตำแหน่ง MD คุมภาพใหญ่ แต่จริงๆทีมเขาก็เก่งกันอยู่แล้ว จริงมั้ยที่ตามข้อมูลบอกว่าธุรกิจที่เราทำไปหลักร้อยล้านถึงพันล้าน ? มิน : ตามมูลค่าธุรกิจของครอบครัวตัวธุรกิจมันถึงอยู่แล้ว แต่ในส่วนของมินก็เพิ่งเริ่มตัวเล็กๆ เป็นนักธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น อันนี้คือทำหมู่บ้าน ขายหมู่บ้านเลยใช่ไหม ? มิน : ใช่ค่ะ ก็จะดูในเรื่องของแบบ แก้แบบกันไปมาไม่ลงกับที่ดิน …

“มิน พีชญา”เปิดเส้นทางความรักหนุ่มนอกวงการ Read More »

“เด็บบี้ บาซู ควงสามีฝรั่งเผยเส้นทางรัก จากจะจัดพิธีแต่งงาน แต่ดันท้องก่อน กลายเป็นวิธีเลี้ยงลูกแทน” นักร้องชื่อดังยุค90 เด็บบี้ บาซู ที่วันนี้ควงสามีสุดหล่อ  คุณเดวิด มาเผยเส้นทางความรัก 8 ปี พร้อมลูกสาววัย 6 ขวบน้องลีอา ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ตอนนี้ บาซู กลับมารวมตัวกันอีกครั้งประมาณปีกว่าแล้วได้ไหม? เด็บบี้ : ได้ค่ะ คือช่วงเด็บบี้กลับมาจากเมืองนอก แล้วพี่โจอี้เริ่มอาการดีขึ้นพอดีก็เลยมีโอกาสรวมตัวกันขึ้นคอนเสิร์ตด้วยกันในปีที่แล้ว แล้วจะมีโอกาสได้ฟังเพลงใหม่ไหม? เด็บบี้ : ตอนนี้พยายามทำโปรเจกต์พิเศษกันอยู่ บอกมาหลายรอบว่าจะมีโปรเจกต์พิเศษ วงบาซู แต่ละรอบเหมือนมีอาถรรค์อะไรไม่รู้ รอบแรกเด็บบี้ไปเมืองนอกก่อน ท้อง รอบที่2 พี่โจอี้ ป่วย แล้วมีช่วงโควิด ประมาณ 3 รอบ ส่วนตอนนี้ก็รอจังหวะอยู่เข้าที่ เข้าทางก่อน เพราะปีนี้เรามีอะไรต้องรับผิดชอบเยอะ อย่างเช่น คอนเสิร์ต แกรมมี่ อาร์เอส และอีกหลายคอนเสิร์ตเลย คุณเดวิดพูดไทยได้ใช่ไหม? เดวิด : ได้นิดหน่อย อยู่เมืองไทยมา 8 ปีแล้ว ก็มีเรียนภาษาไทยด้วย อัปเดตอาการพี่ชายหน่อยได้ไหม? เด็บบี้ : พี่โจอี้ใช่ไหม ตอนนี้อาการดีขึ้นเยอะมากเลยจากที่เป็นอัมพฤกษ์ไปครี่งตัว ตอนนั้นไม่สามารถพูดได้ สื่อสารไม่ได้ เดินไม่ได้ ตอนนี้กลับมาขึ้นคอนเสิร์ตได้แล้ว ถามว่าแกเต้นได้เหมือนเดิมคงไม่ได้ เราก็วางแพลนกันให้พี่โจอี้ขึ้นไปยืนบนเวที โยกได้ด้วย แจมการร้องได้ด้วย ค่อนข้างที่จะยาก แต่เราก็ทำคอนเสิร์ตปลายปีที่แล้วได้ดีมากๆ เลย ณ วันนี้ทำบทบาทของการเป็นแม่และเป็นภรรยาที่ดี เห็นบอกว่าปลายปีที่ผ่านมาที่ไม่มีโอกาสได้เจอกัน เป็นปีที่เครียดที่สุด? เด็บบี้ : ค่ะ ช่วงปลายปีเครียดนิดนีง เพราะเรามีคอนเสิร์ตใหญ่ด้วย แล้วตอนนั้นเราก็แพลนที่จะออกซิงเกิ้ลด้วย ซึ่งก็ยังไม่ได้ออก แล้วเริ่มธุรกิจใหม่ของตัวเองเป็นธุรกิจเล็กๆ กับอาหารเสริมเด็ก แล้วก็ต้องปฏิบัติหน้าที่คุณแม่ด้วยความที่มันหลายสิ่งเหลือเกิน เรารู้สึกว่าเราแยกร่างไม่ถูก แยกสติไม่ถูก ตอนนั้นเครียดถึงขั้นไหน ถึงขั้นพบคุณหมอไหม? เด็บบี้ : ตอนนั้นไม่ได้พบค่ะ แต่คนนี้บอกว่ายูต้องพบแล้วล่ะ ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะพบ แต่ด้วยความที่มันยุ่งจนไม่มีเวลาไปพบคุณหมอเลย เดวิด : นอนไม่ได้ครับ นอนไม่หลับ เด็บบี้ : เขาเป็นคนพูด และเป็นผู้ฟังที่ดีมากๆ  แสดงว่าตอนนั้นอาการเหวี่ยงวีน ทุกอย่างมาหมด? เด็บบี้ : มาหมดเลย เหมือนเป็นอะไรที่เกี่ยวกับฮอร์โมน แต่จริงๆ ไม่น่าจะใช่ เหมือนเรารับสถานการณ์และรับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันรุมล้อมเข้ามาไม่ไหวแค่นั้นเอง ปลายปีเป็นช่วงโอกาสที่ดี เราอยากรับทุกโอกาส มันตั้งใจทำทุกอย่างให้ดี แต่คนเดียวอะเนอะ? เด็บบี้ : ใช่ แล้วรู้สึกว่าเหมือนช่วงที่แล้วเราไม่ปล่อยวางเลย ทุกอย่าง อยากให้มันออกมาเป๊ะ คนที่เจอหนักที่สุดก็จะเป็น 2 ชายในชีวิต นี่คือ 1 ชาย แล้วก็พี่กำปั้น คือสติแตก พี่ปั้นเป็นคนใจเย็นเหมือนกัน โชคดีที่ทั้งสองคนเป็นคนใจเย็น บางเขามีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ตอนนั้นเราไม่รับฟังแล้ว ฉันจะเอาให้มันไปถึงจุดหมายให้ได้ แต่พอเสร็จแล้ว มันกลายเป็นว่าทุกอย่างรอบข้างของเรามันตึงเครียดไปหมดเลย กับลูกสาวล่ะ? เด็บบี้ : กับลูกสาวยอมรับเลย ช่วงก่อนแอบวีนนิดนึง คือเราจะไม่วีนเขาโดยไม่มีเหตุผล ถ้าเขาทำอะไรผิดนิดนึง โดยปกติแล้วเราจะนั่งคุยกัน แต่คราวนี้นิดนึงปุ๊บก็ใส่เต็มอัตราเลย ตอนนี้ทุกอย่างเข้าสู่อาการปกติหรือยัง? เด็บบี้ : เข้าสู่อาการปกติเรียบร้อยค่ะ ทุกอย่างมันบาลานซ์มากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรู้จักปล่อยวางมากขึ้น เราไม่ได้ไปพบแพทย์แต่อ่านหนังสือแล้วก็ทำสมาธิ แล้วเราก็ทำความเข้าใจกับตัวเองมากขึ้น เห็นว่าตอนคลอดน้องมีภาวะซึมเศร้า มาม่าบลู? เด็บบี้ : ใช่ค่ะ ตอนนั้นสถานการณ์คล้ายๆ กับปลายปีที่แล้วเลย คืออะไรๆ มันเกิดขึ้นหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน พอคลอดน้องก็มีส่วนของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงด้วย ตอนนั้นอยู่อเมริกา เลี้ยงลูกเอง เริ่มธุรกิจ ตอนนั้นทำธุรกิจกันสองคน เป็นธุรกิจเครื่องสำอางที่อเมริกา เราทำทุกอย่างด้วยกัน ทุกอย่างมันเริ่มตึงเครียด คุณสามีรับมือยังไง? เดวิด : นั่งสมาธิ 15 นาทีครับ เด็บบี้ : เขาเป็นคนสอนให้เราใจเย็นลงมากๆ เลย แต่จริงๆ เราไม่ได้เป็นคนใจร้อน แต่เราดิลกับความตึงเครียดไม่ค่อยเก่ง พอมันมีอะไรที่เราต้องทำงานแข่งกับเวลา หรือมีเดทไลน์อะไรก็ตามเราจะเริ่มรน เริ่มพารานอยด์แล้ว เราจะเริ่มจัดแจงอารมณ์ของเราไม่ค่อยถูก แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะมากเลย สมมติเรามีปัญหากัน เราช่วยกันแก้ พอเราเปลี่ยนมุมมอง จากที่เธออยู่อีกฝั่งจากฉันแล้วเรามาทำงานกันเป็นทีม เราก็จะแก้ปัญหาด้วยกันได้ดีมากขึ้น คู่นี้คบกันมา 8 ปีแล้ว ไปเจอกันที่ไหน? เด็บบี้ : เจอกันที่บาร์ที่ไทยสมัยยังซ่าๆ กันอยู่ เดวิด : ผมชอบเด็บบี้ก่อนครับ ชอบทุกอย่าง โดยเฉพาะตากับรอยยิ้ม ตอนนั้นรู้ไหมว่าเขาดังมาก? เดวิด : ไม่รู้ครับ เด็บบี้บอกว่าทำงานเป็นนักร้อง แต่ผมคิดว่าเป็นนักร้องของอเมริกาครับ เด็บบี้ : ตอนแรกเขาไม่ได้คิดว่าหนูเป็นคนไทย ชอบเขาไหมตอนที่เขาเข้ามาคุย? เด็บบี้ : ไม่ชอบค่ะ สเปคไม่ใช่ฝรั่งเลย หนูชอบตี๋ นี่มาคนละแนวกันเลย ตั้งแต่มีสามีฝรั่ง ทุกวันนี้หนูไม่เห็นตี๋หล่อเลย  แล้วสานสัมพันธ์กันยังไง? เด็บบี้ : เจอกันรอบแรกก็ได้พูดคุยกัน เขานิสัยน่ารัก เราได้แลกเบอร์กัน แต่เราไม่ได้คิดที่จะคุยด้วยแบบจริงจัง เหมือนเป็นเพื่อนเฉยๆ วันรุ่งขึ้นเราไปนอนค้างโรงแรมในกรุงเทพกับเพื่อน เขาก็โทรมาบอกว่าขอมาหาได้ไหม อยากเจอเธอมาก เราบอกไม่เอาอะมันเป็นเวลาส่วนตัวของเรา แล้วเพื่อนบอกเอารูปเขามาดูก่อน พอเพื่อนเห็นหน้า ไปเลย กูอยู่คนเดียวได้ เพื่อนเชียร์ พอออกไปบอกเพื่อนว่าอีก 2 ชม.กลับมานะ แป๊บเดียว รอเราก่อนแล้วกัน ปรากฎว่ากลับมา 8 โมงเช้า เพื่อนบอกว่า ฉันนึกว่าเธอตายไปแล้ว เราออกไปน่าจะประมาณ 2 ทุ่ม 2 ทุ่มถึง 8 โมงเช้า ทำอะไรกัน? เด็บบี้ : คุยเฉยๆ จริงๆ สมัยก่อนบาร์ ผับ มันจะเปิดถึงสว่าง เราก็นั่งคุยกันไป ทำความรู้จักกันแบบว่าจิกกันไป แสดงว่าเริ่มชอบแล้ว? เด็บบี้ : เริ่มแบบ เห้ย..เขาทัศนคติดี เป็นคนสุภาพ ที่สำคัญเป็นคนที่ให้เกียรติคนมากๆ แต่ไม่ถึงขั้นว่าตกหลุมรัก แต่เริ่มรู้สึกเปิดใจ พอเขามาส่งที่หน้าโรงแรม เขาก็คิสเรา เราก็แบบมันไวไปหรือเปล่า เราไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกไม่เป็นไรหรอก หยวนๆ ไปเถอะ เพื่อนกลัวไม่มีสามี พอคุยกันสักพัก คุณเดวิดมาบอกเด็บบี้ว่าเคยผ่านชีวิตการแต่งงานมาแล้ว? เด็บบี้ : ใช่ จริงๆ บอกตั้งแต่วันแรกเลย เราเฉยๆ มาก รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ คุณเดวิดจะกลับไปหาอดีตภรรยา ส่วนเด็บบี้เพิ่งอกหักจะกลับไปหาแฟนเก่า นี่คือสิ่งที่เหมือนกันเลยทำให้ชอบกันจริงเหรอ? เด็บบี้ : ก็มีส่วนนะคะ เราไม่ได้คิดว่าเราจะมาดามใจกันและกัน แต่เราคิดว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังผ่านอยู่ แล้วเราก็เข้าใจเขา เป็นกำลังใจให้กันและกัน จนแบบว่าไม่เอาแล้วไอนี่ อยู่กันเองดีกว่า ก็เลยดามใจกันมาสัก 3 เดือน? เด็บบี้ : 3 เดือนนี่เป็นเพื่อนกัน ยังไม่เป็นแฟน ยังไม่มีอะไรใดๆ ทั้งสิ้นเลย แต่คุยกัน เจอกันทุกวัน พอหลัง 3 เดือนค่อยตัดสินใจคบกัน …

เด็บบี้ บาซู ควงสามีฝรั่งเผยเส้นทางรัก Read More »

“เอ้ ชุติมา” ปล่อยโฮอนาถชีวิต เล่าฟางเส้นสุดท้ายเลิก “ฟร้อง”พีคมาก จากนี้ไม่ใช้ชีวิตคู่กับใครอีกแล้ว “เอ้ ชุติมา นัยนา” นางงามนักร้อง นักแสดงสาวสุดแซ่บ ขอเคลียร์ชัดๆ อีกครั้ง พร้อมคอนเฟิร์มตาสว่างปล่อยบ้าน-รถโดนยึด หลังเลิกแฟนเด็ก และไม่เคยชวนใครเล่นการพนัน พร้อมเปิดเผยบทเรียนชีวิตเปย์ขั้นสุด โอนเงินทุกบาททุกสตางค์ให้อดีตแฟนเด็กเก็บทุกบาท ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ ชมพู่ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ พี่เอ้ เลิกกับแฟนมา 8 เดือน เขาออกมาแฉว่าพี่ไม่ยอมผ่อนบ้าน เอารถไปซ่อน ทำให้เขาติดแบล็กลิสต์ เพิ่งไปเจออดีตแฟนหนุ่มมาเป็นยังไงบ้าง? “ก็อย่างที่เห็นในรายการ เขาไม่ยอมรับอะไรเลย ทั้งที่เราพูดเรื่องจริง มีหลักฐาน ทุกอย่างมีหลักฐานประกอบทุกอย่างเขาพูดออกมาปฏิเสธอะไรก็ตาม ต้องรู้แก่ใจตัวเองว่าทำอะไรออกไป แล้วหลายๆ เรื่องเขาก็ย้อนแย้งตัวเอง ผูกมัดตัวเองดิ้นไม่หลุดเลยค่ะ เราก็โดนเขาด่าเยอะมาก ก็นั่งๆ เงียบๆ ฟังไปอย่างเดียว” คำที่โดนด่าจากแม่อดีตแฟนก็ตาเหลือกเหมือนกัน? “ก็โดนเยอะค่ะ ก็นั่งนิ่งค่ะ” เขาบอกว่าเราตอแหล เจ็บมั้ย? “เราไม่ใช่คนแบบนั้น เขาจะด่าก็ด่าไป เราไม่ใช่คนตอแหลอย่างที่เขาพูด อะไรที่เขาพูดไป เดี๋ยวสังคมจะเห็นเอง อย่างหลายๆ เรื่อง เรื่องการเล่นหวย ในที่สุดเขาก็ยอมรับว่าเขาเป็นเจ้ามือ เราเป็นคนส่ง เป็นลูกสะใภ้ก็ต้องช่วยเพื่อให้เขามีรายได้เพิ่ม ไปขายของตามตลาดนัดกับแม่เขา ไปเป็นแม่ค้า หลายคนจะเห็นเอ้ขายของตามตลาดนัด เป็นแม่ค้าขายของให้แม่เขา” พี่ไม่เจ็บ? “เจ็บค่ะ เจ็บแล้วจุก ต้องมีโกรธ ถ้าบอกไม่โกรธก็โกหก แต่ไม่อยากไปนั่งใส่อารมณ์กับเขา เขาอยากพูดอะไรก็ให้เขาพูดไป เดี๋ยวสังคมก็จะเห็นกันเองโดยที่เราไม่ต้องพูดอะไรเลย เราว่าเรานิ่งดีกว่า ดีกว่าไปนั่งเถียงเขา อีกอย่างเขาเป็นอดีตแม่แฟนด้วย ไม่เอาดีกว่า” สมัยก่อนพี่ก็สนิทกันระดับหนึ่ง? “สนิทค่ะ แม่เขาขยัน ไม่อายทำกิน ไม่คอยวาสนา ขายของตลาดนัดกันนะคะ รายได้ที่ขายทั้งหมด คุณแม่เขาเก็บ พี่ไม่ได้แตะเลย” มันเริ่มแย่เมื่อไหร่? “เริ่มแย่หลังจากที่ลูกเขามาอยู่กับเรา หลังๆ ลูกเขาเริ่มเที่ยว คนเราพอเที่ยวก็ติดสนุก ก็กลับบ้านช้าลง กลับบ้านเช้าขึ้น พี่จะพิมพ์ในไลน์สมัยก่อนเรียกว่าฟร้องที่รัก พอเขาเที่ยวยันหว่าง พี่ก็เขียนว่าฟร้องยันหว่าง ประชดไปเลย” เขาบอกว่าเราชวนลูกเขาเที่ยวตั้งแต่คบแรกๆ? “ไม่จริงค่ะ ฟร้องเขาเที่ยวตั้งแต่อยู่กาญจนบุรี ซึ่งในกลุ่มเขารู้อยู่แล้ว เขาเด็กผู้ชายก็เที่ยวกลางคืน ซึ่งกาญจนบุรีเที่ยวสนุกมากเลยนะคะ มีผับมีโน่นมีนี่ เด็กพีอาร์เยอะแยะไปหมดค่ะ เชียร์เบียร์เต็มไปหมด เขาบอกเอ้ว่าเที่ยวตั้งแต่อายุ16 ขนาดยังเข้าผับไม่ได้ แต่มีคนพาเขาเข้าได้ค่ะ พอเขามาคบเรา เขาอายุ 20 เราถึงเพิ่งพาเขาเที่ยว เราบอกเขาว่าถ้าจะเที่ยวจะเลือกสถานที่ดีๆ ทองหล่อ สุขุมวิท เราเลือกสถานที่ดีๆ ให้น้องเที่ยว” เริ่มแย่ตั้งแต่เมื่อไหร่? “เริ่มแย่ตั้งแต่เขามีพฤติกรรมเรื่องผู้หญิง ผู้หญิงมาติดเขา เขาติดโทรศัพท์ คนเป็นแฟนจะรู้ตัวเองอยู่แล้ว เขาจอดรถอยู่ที่คอนโดนานเกินไป 45-50 นาที ไม่เข้าห้องซะที เราก็ย่องมาดูเขา เขาก็หงุดหงิดใส่ เขาขอดูโทรศัพท์เขาหน่อยได้มั้ย ปกติไม่เคยขอดูนะคะ มารยาทคบกันก็ให้เกียรติผู้ชาย แต่วันนั้นทนไม่ไหว แต่เขาก็ปฏิเสธ จนวันนึงเขาหลับ แล้วเขาลืมปิดโทรศัพท์ เราก็เปิดเจอทุกอย่าง ก็ปลุกเขาเลยถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” อีกประโยคที่แม่เขาพูด ที่ลูกเขาเลิกเพราะพี่เอ้หมดตัว ไม่มีเงินแล้วไงลูกเลยต้องเลิก? “เงินอยู่ที่เขาหมดค่ะ เงินพี่ทุกบาททุกสตางค์อยู่ที่ลูกชายเขาหมดค่ะ ตั้งแต่คบกันมาค่ะ หลังเลิกก็เปลี่ยนแล้วค่ะ” เงินยังอยู่ฝั่งโน้นมั้ย? “ก็…เราก็ไม่ยุ่งค่ะ เราอัปเดตเขาไม่ได้เพราะไม่ใช่ชื่อเรา” พี่เป็นเจ้าของเงิน แต่เขาเป็นเจ้าของชื่อบัญชี พี่ต้องขอยืมเดือนละ 5 หมื่นคืออะไร? “ที่แม่เขาพูดว่าต้องยืมทีละ 5 หมื่นเพราะเงินเราอยู่ที่ลูกชายเขา ถ้าคุณจะเอาเงิน ขาดเหลืออะไรก็ให้ลูกชายคุณโอนไปสิ แต่ลูกชายเขาไม่โอน แม่เขารู้สึกว่าเป็นเงินลูกชายเขาที่ทำงาน ไม่ใช่เงินเราแต่ลูกชายเขาทำอาชีพอะไร เป็นดาราเล่นหนังเรื่องอะไร เล่นละครเรื่องอะไรก่อน เงินทุกบาทเป็นของเรา” ทำไมพี่ถึงเลือกให้เงินผู้ชาย? “น้องเขาคบกับเราเหมือนอยากมีหน้ามีตาในสังคม เราก็อยากยกระดับน้องให้ภูมิใจในตัวเองว่ามีเงินเก็บ มีบ้าน มีรถทุกอย่าง เหมือนเดิมกับเราแล้วไม่มีใครดูถูกเขา แต่เป็นเงินเราที่สังคมไม่รู้ค่ะ แต่เรารู้กัน แล้วพี่มีสลิปทุกอย่างแม้แต่ค่าทางด่วน เขาก็เบิกที่เรา ค่าน้ำค่าไฟทุกอย่าง คุณแม่เขารู้แต่ไม่ฟัง” ทำไมถึงรักเด็กคนนี้ขนาดนี้ ทำไมถึงยอมทุกอย่าง? “พี่เอ้ผิดหวังเรื่องความรักมาตลอด เด็กคนนี้มาเติมเต็มตอนที่พี่เอ้รู้สึกแย่มากในชีวิต หลายคนที่ดูรายการอยู่ ถ้าช่วงนึงคุณผิดหวังความรักหรือโหยหา หรือมันเฟล ถ้ามีคนๆ นึงมาเติมเต็ม เราจะรู้สึกอบอุ่น เหมือนใจมันฟู มีคนๆ นึงมาเติมส่วนที่หายไปได้ ซึ่งช่วงแรกเขาเติมเต็มเราได้จริงๆ เขาเป็นเด็กน่ารักมาก เป็นเด็กดี แต่เขาหัวอ่อน และเป็นเด็กเกินไปที่จะใช้ชีวิตกับเรานาน” เมื่อก่อนพี่เคยทำแบบนี้กับแฟนคนเก่ามั้ย? “ไม่ค่ะ คนนี้เป็นคนแรกที่เก็บเงินไว้ที่น้องเขา เพราะเขาค่อนข้างเป็นคนเก็บเงินอยู่ทุกเม็ด เงินทองไม่ค่อยกระเด็น เรารู้สึกว่าเขาเป็นผู้นำในชีวิต จะเก็บเงินให้เราได้ เขาเก็บเงินเก่งค่ะ” ช่วงแรกไม่มีปัญหาอื่นๆ เรื่องการเงิน? “ช่วงแรกยังโอเคอยู่ เวลารับงานก็โอนเข้าบัญชีน้องเพื่อทำสเตทเมนต์ให้น้องในการกู้บ้านกู้รถทุกอย่าง  ทำทุกอย่างเพราะอยากอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ทำทุกอย่างถึงขนาดจะหมั้นกันเลย เราเชื่อมั่นคนนี้มากว่าเขาจะนำพาชีวิตเราไปรอดไม่เอาเปรียบเรา หลายคนก็จะพูดว่าทำไมให้ขนาดนั้น ทำไมโง่ขนาดนั้น บางทีทอล์กสินค้าชื่อคนรับก็เป็นชื่อเขา ทุกบาททุกสตางค์ก็โอนให้เขา” เห็นว่าเวลาจะใช้เงินตัวเองจะมีดอกเบี้ย? “(ถอนใจ) เวลาจะใช้เงินตัวเอง เขาไม่ให้ใช้ เราเป็นผู้หญิงบางทีต้องแต่งตัว มีค่าใช้จ่ายบ้าง บางทีเราก็ส่งที่บ้านเราด้วย ซึ่งบางทีส่งให้ที่บ้านเยอะกว่าส่งไปที่เขา เขาก็จะโกรธเรา สมมติเราส่งให้คุณแม่ พี่สาว สมมติเงินเข้ามา 2 แสนจะโอนให้ฝั่งคุณแม่ พี่สาว 1.5 แสน แล้วให้เขา 5 หมื่นก็จะโกรธ ไม่ได้ ก็เลยต้องให้ไปคนละครึ่ง” ทำไมถึงเชื่อ เขาทำให้เราไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ? “ก็เขาเก็บเงิน และเราก็อยากใช้ชีวิตคู่กับเขา เรามีเป้าหมายจะแต่งงานอยู่ด้วยกัน” เรื่องดอกเบี้ยคือยังไง? “สมมติเอ้อยากใช้เงินของตัวเอง เวลาขอเขา เขาไม่ให้ เราจะทำไง สมมติเราอยากใช้เงิน 5 หมื่นตอนนี้ เราก็ไปกระซิบเพื่อนเกย์ ขออนุญาตใช้ชื่อเพื่อนสาวในการกู้ที่ฟร้อง แต่เป็นตัวเรานี่แหละ แค่ใช้ชื่อเพื่อน แล้วเห็นดอกมั้ยล่ะคะ มหาศาลมาก” ดอกใครคิด? “เขาคิดเองค่ะ” ไม่มีจุดไหนที่รู้สึกว่าไม่ถูกต้องเหรอ? “ก็รู้สึก แต่เงินอยู่ที่เขา จะทำยังไงได้ เราก็ต้องยอม เราเสียดอกร้อยละ 10 เลยนะคะ 10-15 วันส่งที ถ้าเลทก็วันละ500 1,000” เพราะรักหรือเปล่าเลยปล่อยไป? “เราเอาออกมาไม่ได้ จนตอนหลังเราไม่อยากฝากเงินไว้ที่เขาแล้ว เราก็จะเตี๊ยมกับเจ้าของสินค้าว่าอย่าบอกแฟนนะว่าเราได้รายได้เท่าไหร่ในวันนี้ เราบอกแค่เท่านี้ ที่เหลือเราจะโอนให้แม่เรานะ ตอนหลังเราก็เริ่มเก็บเงินที่คุณแม่ เราก็เริ่มคิดได้” เขาไม่รู้เหรอว่าเราเป็นคนกู้ในชื่อเพื่อน? “ตอนหลังเขาก็รู้ค่ะ เขาก็บอกว่าถ้าอยากใช้เงินก็ต้องจ่ายดอก ซึ่งมันเป็นเงินเรา” ถ้าเขาอยากซื้อของเขาเองล่ะ? “เขาก็ได้ทุกอย่าง ไม่ต้องบอกเรา เอาเงินของเราไปใช้ เหมือนเขาเป็นเจ้าของเงิน ตอนนั้นอึดอัดมาก แต่เรารู้ว่าถ้าเราไม่ให้เงินเขาก็ต้องไป ตอนนั้นยอมรับว่ารักเขา เรามั่นใจ อยากใช้ชีวิตคู่กับเขา ผู้หญิงคนนึงที่ผิดหวังเรื่องความรักมาตลอด พอมีผู้ชายคนนึงมาให้ความมั่นใจ จะหมั้นกับเรา จะแต่งงานกับเรา เป็นรถด่วนขบวนสุดท้ายของเราแล้วเข้าใจมั้ย เรารู้สึกว่ามีคนรักเราแล้ว มีคนอยากแต่งงานกับเราแล้ว เราก็ภูมิใจ” เป็นเพราะความรักและความหลงถึงยอมเขาทุกอย่าง? “เราอยากใช้ชีวิตคู่กับเขาตลอดชีวิต คนเราความรักเลือกไม่ได้ รักใครสักคนเราทุ่มเทมาก ไม่ได้เอาเงินซื้อนะคะ แต่เราคิดว่าเขาจะเมเนทเก็บเงินให้เราได้ เราจะใช้ด้วยกันได้” บ้านเป็นชื่อฟร้องเพราะอยากให้เกียรติเขาด้วย ตอนนั้นอึดอัดมั้ยที่ต้องดูแลเขาขนาดนี้? “ก็อึดอัด แต่ไม่อยากให้เขาดูไม่ดี มาเดินกับเราแล้วคนจะมองว่าเขาเกาะเรา เราไม่อยากให้น้องโดนคนประณามอยากให้เดินกับเราแล้วดูดี ดูว่าเขามีอะไร” หลังๆ เขาจะไปเที่ยว ไปดื่ม รูดบัตรเครดิตได้เลย? “หลังๆ ที่โกรธอีกอย่าง เราทำสเตทเมนต์เขาสวยมาก สามารถทำบัตรเครดิตอันลิมิตได้ เขาไปทำที่แบงก์ เรารู้เพราะกลับมาเขาก็เล่าให้ฟังว่าเขาไปทำบัตรเครดิตแล้วนะ ตอนหลังเขารูดบัตรเครดิตหนักมาก  4 หมื่น 5 หมื่น 6 หมื่นกว่าเราก็ถามเขาว่ารูดอะไรหนักขนาดนั้น เขาต้องมาหักเงินจากเรา ดังนั้นเราจะรู้ทันทีว่ายอดเขาใช้เท่าไหร่ เขาบอกเอาไปจ่ายค่าของกินของใช้ในบ้าน ซึ่งให้ตายเถอะของกินของใช้ในบ้านเอ้กินแต่มาม่า กินแต่ข้าวธรรมดาริมถนนทั้งนั้น มารู้ตอนหลังว่าเป็นร้านพีอาร์อยู่แถวราชพฤกษ์ เขาไปติดสาวที่นั่น มิน่าล่ะใช้จ่ายเยอะมาก เราไปสืบ เพื่อนทุกคนก็เสิร์จให้หมดว่าร้านนั้นเป็นร้านพีอาร์ เป็นเลานจ์” …

“เอ้ ชุติมา” ปล่อยโฮอนาถชีวิต เล่าฟางเส้นสุดท้ายเลิก “ฟร้อง” Read More »

“หวาย ปัญญ์ธิษา เล่านาทีชีวิต หัวใจเต้นผิดจังหวะขณะถ่ายรายการ ในใจคิดว่าไม่รอดแล้ว” นักร้องสาว หวาย ปัญญ์ธิษา หวิดเอาชีวิตไม่รอด หัวใจเต้นผิดจังหวะ ขณะถ่ายงาน ต้องแอดมิทด่วน รับชีวิตรวนกลัวไปหมด ไม่กล้าทำกิจกรรมที่เคยทำ แม้กระทั่งนอนก็ไม่กล้า อีกทั้งยังอัปเดตสภาพจิตใจหลังเลิกแฟนหนุ่มคนล่าสุดพร้อมควงคุณแม่หน่อง มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีเป็กกี้ ศรีธัญญา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ น้องหวายไปถ่ายรายการ แต่อยู่ดีๆ หัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดอะไรขึ้น? หวาย : วันนั้นมีอาการเหมือนชาไปหมดตั้งแต่คอลงไปเลย แล้วก่อนหน้าวันนั้นระยะหนึ่งทุกเช้า หนูตื่นบอกคุณแม่ว่าทำไมหัวใจมันเต้นเร็วผิดปกติ เรารู้สึกแปลกๆ เพราะเพิ่งตื่นด้วย แต่ว่าเราเป็นโรคแพนิคอยู่แล้ว ก็เลยบอกตัวเองว่าอาจจะแพนิคหรือเปล่า คิดไปเองหรือเปล่า พยายามกล่อมตัวเองตลอด วันนั้นที่ไปทำงาน เราก็พยายามปลอบตัวเองเหมือนเดิมเวลาเราหายใจไม่ออก หรือเริ่มหายใจเร็ว ทำไมมันแน่นหน้าอก ก็บอกตัวเองว่าอย่าคิดมากนะ เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป เรากำลังจะแพนิคนั่นแหละ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันไม่ใช่ ตอนนั้นร่างกายตอบสนองเรายังไง? หวาย : ตอนแรกเหมือนจะทำงานต่อได้ แต่ว่าสักพักหายใจไม่ออก เท้าชา มือช้า ปกติถ้า เท้าชา มือชา จริง แต่ว่าอันนี้มันแน่นหน้าอก มันชามาถึงคอแล้วก็หู ซึ่งมันทำอะไรไม่ได้เลย ปกติหนูจะรู้ตัวว่าเกร็งเท้านะ หรือมือเรากำลังเกร็งอยู่นะ แต่อันนี้ไม่รู้สึกแล้ว  แม่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย? แม่หน่อง : อยู่ค่ะ ตอนนั้นคิดในใจว่าจะยังไงดี แต่ก็ลุ้นว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น ก็คิดว่าเป็นอะไร ก่อนหน้านี้คิดว่าจะเป็นลมก็ไม่ใช่ เพราะวันนั้นอากาศไม่ได้ร้อน ก็เดินชิวๆ ดูนู้น ดูนี่ คุยสนุกสนาน แล้วมันก็เกิดขึ้น เราเลยงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทีนี้ทำยังไง? หวาย : แม่ลุ้น ทุกคนพยายามช่วย แม่หน่อง : ตอนนั้นให้นอนแล้ว ค่อยๆ จับตัว พอดีมีนักท่องเที่ยวเข้ามา เราก็ถามว่ายูเป็นหมอเหรอ เขาบอกว่าไม่ใช่แต่เขาเคยปฐมพยาบาล เขาบอกให้ถอดรองเท้า แล้วเขาเข้ามาบีบนวด เขาคงรู้ว่าเส้นเลือดอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วเขาช่วยอยู่อย่างนั้นหลายนาทีเลย หวาย : หนูรู้สึกว่ามันนานมาก ตอนแรกหนูคิดว่าหนูจะตายจริงๆ หันไปบอกแม่ คิดว่าสโตรกแน่ เหมือนหนูจมน้ำ คำพูดของหวายบอกกับแม่ว่ากำลังจะตาย มันไม่ธรรมดาแล้ว? แม่หน่อง : แม่สายชิล ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แต่หวายก็ดึงตัวแม่มากอด  หวาย : ใช่ หนูคิดว่าหนูจะตาย แม่หน่อง : เราก็ดูก่อนว่าจะเรียกรถหรือยังไง หวาย : หนูเองด้วยอยากให้นางพยาบาลมา ไม่กล้าขยับตัวเองด้วย คิดว่าจะไป ณ ตอนนั้นทำไมไม่เรียกรถพยาบาล? แม่หน่อง : เกือบแล้วๆ เพราะพี่ที่นั่นก็บอกว่าเรียกรถไหม แล้วพอมีมีหน่วยพยาบาลของที่ตลาดนั้นเขาเอาอุปกรณ์มาช่วย เราก็ลองดูสักพักว่าจะโอเคไหม แล้วค่อยๆ เริ่มดีขึ้น หวาย : หลังจากที่ทุกอย่างเกิดขึ้น หนูยังยืนยันกับแม่ว่าหนูไม่เคยเป็นแบบนี้ หัวใจหัวรู้สึกไม่ปกติจริงๆ ก็เลยหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต คุณแม่เลยนัดคุณหมอหัวใจเลย เดิมทีคิดว่าเป็นสโตรกถึงกับเอาน้ำราดหัวเลย? หวาย : ใช่ แม่หน่อง : ตอนแรกราดหน้าก่อน เพราะว่ากลัวเดี๋ยวถ่ายรายการต่อ พอทำไป ทำมา ไม่ไหวแล้ว เขาหยิบเองราดเลย หวาย : แล้วตอนราดอันนั้นคือก่อนที่มันจะชาด้วยนะ เพราะหนูบอกตัวเอง ยังคิดว่ามันจะแพนิคอยู่ ยังไงก็หาย ตอนแรกราดหน้าก่อนมันจะได้ตื่น แต่มันไม่ใช่ คนที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ มันจะรู้สึกเจ็บ เรามีอาการแบบนี้ไหม? หวาย : มันแน่น มันไม่ได้เจ็บเหมือนมีใครมาแทง แต่หนูรู้สึกว่ามันแน่นตั้งแต่ตรงท้องขึ้นมา เหมือนมันบีบ สุดท้ายไปหาคุณหมอ คุณหมอบอกว่ายังไง? หวาย : หัวใจเต้นผิดปกติ พอคุณหมอบอกเราเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เราจัดการกับโรคนี้ยังไง? หวาย : ด้วยความที่หนูเป็นโรคแพนิคด้วย ยังคิดอยู่กับตัวเองว่ามันแพนิค แต่ว่าในขั้นที่เราไม่เคยเป็นหรือเปล่า แต่พอไปคุยกับคุณหมอ คุณหมอบอกว่าอยากให้ติดเครื่องมอนิเตอร์ห้วใจ ถามว่ามีแอปเปิ้ลวอชใช่ไหม ซึ่งตัวหวายเองก็มีแต่ไม่ใส่ คุณหมอบอกให้ใส่ อยากให้ติดมอนิเตอร์หัวใจวันนั้นเลย อยากให้แอดมิท รอดูอาการด้วย แต่ว่าหนูยังไม่อยากติด และยังไม่อยากแอดมิท ก็เลยบอกว่าถ้าหนูกลับไปใส่แอปเปิ้ลวอชก่อนได้ไหม คุณหมอบอกว่าได้ ลองกลับไปพักที่บ้านก่อน ทีนี้พอกลับไปหาคุณหมออีกที สรุปมันเต้นไม่ปกติจริงๆ  สรุปเป็นหัวใจเต้นผิดจังหวะจริงๆ? หวาย : ใช่ ก็เลยต้องติดเครื่องกลับบ้าน ยืนยันกับเครื่องและแอปเปิ้ล วอช ทั้งคู่เลยว่ามันเต้นผิดจังหวะจริงไหม ปกติต้องต่ำกว่า 100 แต่ของหนูขึ้นไป 168-170 ตอนแรกหนูไม่รู้นะว่า 168-170 มันไม่ดี ก็ต้องติดเครื่องไปตลอด ตอนนี้คุณหมอให้ทานยาทุกเช้า ทุกเย็น แล้วหัวใจมันจะเต้นช้าลง สมาร์ท วอช มันจะรู้ได้ยังไงว่าเราหัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่? หวาย : ของหวายจะต้องดูตลอด เราได้ถามคุณหมอไหม ทำไมโรคนี้มันเกิดขึ้นกับเรา? หวาย : ถามค่ะ หนูกลัวมาก แล้วไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถึงเป็น 1.2.3 ทำไมต้องเป็นเรา ทำไมต้องช่วงอายุนี้ แต่คุณหมอบอกว่ามันเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แค่ของเราเลือกที่จะเป็นตอนนี้เท่านั้นเอง โรคนี้สภาวะร้ายแรงที่สุด จะเกิดอะไรขึ้นกับเราได้บ้าง? แม่หน่อง : มันน่าจะไม่ดีกับหัวใจ เพราะถ้ามันเต้นเร็วตลอดเวลา เหมือนวันนั้นที่จ๊อดแฟร์ เขาบอกว่าเขาเป็นอย่างนี้มา1 อาทิตย์แล้ว เราไม่ได้ทำอะไร คิดว่าเดี๋ยวมันก็หาย พอตรงนั้นรู้เลยว่ามันคงจะเต้นเร็วตลอดเวลา จนเขาไม่ไหว โรคนี้มีความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน หัวใจหยุดเต้น บางทีอาจถึงสภาวะเสียชีวิต กลัวไหม? หวาย : กลัวมาก เพราะหวายเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว ขี้กังวล ช่วงแรกหนูลำบากมาก หนูเป็นคนที่นอนหลับยากอยู่แล้วพอเรารู้ว่าเราเป็นแบบนี้เวลาตื่นบ่อยสุดหรือเยอะสุด มันก็กลายเป็นไม่กล้านอนแล้ว พอนอนได้ก็ไม่อยากตื่น เพราะถ้าตื่นมันก็จะเป็น ก็จะพยายามนอน แต่มันก็ไม่ได้อีก ทุกเช้าเลยหนูจะกลัว ไม่โอเคจริงๆ หลายวันที่ต้องเข้าไปโรงพยาบาลเลยหลังตื่น เพราะมันไม่ไหว มีวันนึงหนูจะโยนตัวเองในสระน้ำเลย มันอธิบายไม่ถูก มันลำบากมาก ด้วยความที่ว่าไม่ค่อยออกจากบ้าน หรือทำอะไรด้วย เราก้าวข้ามตรงนั้นมาได้ อยากทำกิจกรรม อยากเล่นไอซ์สเก็ต อยากเจอเพื่อน กว่ามันจะมาถึงสเต็ปนี้กับโรคที่หนูเป็น คิดมากนู้นนี่ มันก็นานเหมือนกัน แล้วพอเราทำได้ หนูก็ติดตรงนี้อีกไม่กล้าไปเล่นไอซ์สเก็ตอีก ไม่กล้าออกไปไหนอีก ยังไม่กล้าออกกำลังกาย ซึ่งจริงๆ แล้วคุณหมอบอกอยากให้เริ่มออกกำลังกายเหมือนกัน แต่ตัวเราเอง มันกังวล กลัวไปหมด เห็นว่าไปหาคุณหมอ คุณหมอเป็นคนดียวกับของคุณแม่ แสดงว่าคุณแม่เองก็มีอาการไม่สบาย? แม่หน่อง : แม่สบายดี แต่ว่าไปเช็กอัพร่างกายมา เขาบอกมีแคลเซียมเกาะที่เส้นเลือด ประมาณโรคหัวใจ อยากจะไปปรึกษาคุณหมอโรคหัวใจไหม เราก็กลัว งั้นเราไปดีกว่า คุณหมอบอกว่าถ้าเราอยากจะทานยาก็ทานได้นะ แต่เราก็บอกว่าอย่าเพิ่งเลย ขอก่อน ไปดูแลตัวเองก่อน แล้วพอลูกเป็นเราก็โทรหาคุณหมอท่านนี้เลยทันที เห็นว่าหวายเองพอมาเป็นแบบนี้มันทำให้พลาดโอกาส พลาดกิจกรรมหลายอย่างที่เราเองก็ไฝ่ฝัน เราเฝ้ารอ? หวาย : ใช่ ล่าสุดเหมือนทางค่ายไปเอ้าติ้งกันทุกคนเลย สนุกกันหมดเลย แล้วหนูอด หนูชอบเล่นเกม แล้วอยากไปพักผ่อนด้วย เห็นเพื่อนโพสต์ภาพแล้วอิจฉามาก หลังจากนี้คุณหมอได้วางแนวทางการรักษาไว้ยังไงบ้าง? หวาย : ตอนนี้ต้องทานยาไปเรื่อยๆ ก่อนให้ครบ 1 เดือน แล้วกลับไปหาคุณหมอ มีโอกาสหายไหม? หวาย : ต้องมีๆ ต้องหาย ไม่อยากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ  รู้สึกดีใจมากที่เราเป็นแค่นี้ แล้วเราเริ่มรักษาทัน เพราะถ้าหนูไม่ได้บอกคุณแม่ หรือปล่อยให้มันเต้นเร็วไปเรื่อยๆ หนูเชื่อเลยมันไม่เป็นแค่นี้แน่นอน เห็นว่าอีกอย่างที่เป็นปัญหากับหวานเหมือนกัน คือทานยายาก? หวาย : ใช่ เกลียดมาก แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าดีขึ้น เพราะว่าด้วยความที่เรากลัวโรคหัวใจมาก หนูก็เลยบังคับตัวเองต้องกินๆ  มันเลยกลายเป็นว่าหนูมีวินัยในเรื่องนี้มากขึ้น หวายมีความสามารถกว่าหมอ คือหยุดยาแพนิคเอง? …

หวาย ปัญญ์ธิษา เล่านาทีชีวิต หัวใจเต้นผิดจังหวะขณะถ่ายรายการ Read More »

“เรื่องจริง NIGHT LIFE” ย้อนรอยเส้นทางฝัน สู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของวง “PROXIE” ทำความรู้จัก 6 หนุ่มวง “PROXIE” บอยกรุ๊ปสุดป๊อปตัวแทนความฝันของ “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์” กับเส้นทางศิลปินที่แจ้งเกิดถูกที่ถูกเวลาใน “เรื่องจริง NIGHT LIFE” วาไรตี้ทอล์กโชว์สาระดีของคนนอนดึก เรื่องจริง NIGHT LIFE คืนวันเสาร์นี้ พบกับ 6 หนุ่ม บอยกรุ๊ปแห่งวง PROXIE ผลผลิตและตัวแทนความฝันของพระเอกแวมไพร์ “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” บอสใหญ่แห่งค่าย bROTHERS MUSIC งานนี้พิธีกรมากความสามารถ พีเค-ปิยะวัฒน์ รับหน้าที่กัปตันนั่งไทม์แมชชีนย้อนเส้นทางความสำเร็จของหนุ่ม ๆ ก่อนเดบิวต์เป็นศิลปินสุดฮอต พร้อมเผยถึงจุดเชื่อมต่อความฝัน และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของวง รวมถึงการทำงานเพลง ตัวตนของแต่ละคน หลังจากเมาท์กันพอหอมปากหอมคอ มาต่อติดความฟินกันต่อด้วยการให้หนุ่ม ๆ ได้เล่นเกมกัน งานนี้ใครจะเก็บแต้มไปได้บ้าง แล้วใครจะโดนทำโทษต้องมาลุ้นกันในรายการ มาเยือน เรื่องจริง NIGHT LIFE  6 หนุ่มไม่พลาดที่จะฝากซิงเกิลล่าสุด สถานะเบลอ ให้แฟน ๆ ได้ฟังและฟินกันก่อนเข้านอน รับรองว่าคืนนี้สาว ๆ โดยเฉพาะเหล่ายูสเซอร์ (ชื่อแฟนคลับวง) ฝันดีแน่นอน ติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ในรายการ  “เรื่องจริง NIGHT LIFE”  วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคมนี้ เวลา 22.30 น. ทาง ช่อง 7HD กด35 และสามารถชมความเคลื่อนไหวรายการต่าง ๆ ได้ทาง ช่อง 7HD ดูทีวีกด35 สดออนไลน์ BUGABOO.TV และช่องทางออนไลน์ Facebook, IG, Twitter, TikTok : Ch7HD เว็บไซต์:www.ch7.com

“วีนา ปวีนา” ควงสามีนักธุรกิจหมื่นล้านเปิดเส้นทางความรัก พร้อมเคลียร์ดราม่าแต่งงานแล้วมาประกวด MUT ทำไม? “วีนา ปวีนา สิงห์ทักวาล” นางงามนักสู้คนดัง ดีกรี MUT ภูเก็ต 2023 ที่วันนี้ขอควงสามีนักธุรกิจหมื่นล้าน “หาญเจริญสิงห์ทักวาล” มาเปิดเผยเส้นทางความรัก สามีสายซัปพอร์ตที่พร้อมดันภรรยาคนสวยไปสู่จักรวาล พร้อมเล่าเรื่องราวชีวิตถูกบูลลี่มาตั้งแต่วัยเด็ก ขอเคลียร์คำครหา แต่งงานแล้วจะมาประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ทำไม? ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ  วีนาลงประกวดนางงามประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 กลับมาแก้มือในปี 2020 ได้รองอันดับหนึ่ง จับมือกับอแมนด้า แฟนนางงามก็ลุ้นให้วีนามาประกวดอีกครั้ง จู่ๆ วีนาแขวนส้นสูงแล้วบอกว่าไม่ วีนาจะแต่งงาน พอประกาศแฟนนางงามช็อกกันหมด เพราะลุ้นอยากให้เป็นมิสยูนิเวิร์สฯ ทำไมตอนนั้นถึงประกาศว่าจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้? วีนา : ตอนนั้นที่ประกวดจบ ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ได้ค้นพบตัวเอง ได้มาเจอความรัก และรู้จักความรัก เวลาเราจะทำตามความฝันเราก็ต้องใช้ความรักเหมือนกัน เราต้องมีแพชชั่น ฉะนั้นสิ่งที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตคือตัวเราเองฉะนั้นเราต้องรู้จักรักตัวเองก่อน เราก็เลือกใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ถูกคอกับเรา ตอนนั้นเลยต้องเลือกระหว่างความฝันกับความรัก เลยเลือกความรักก่อน แล้วคิดว่าถ้าวันหนึ่งเราจะได้เป็นมิสยูนิเวิร์สฯ เดี๋ยวมิสยูนิเวิร์สฯ จะมาหาเราเอง   ตอนนั้นอกหักจากความฝันมั้ยตอนอยู่บนเวที? วีนา : เหมือนเราตามคนๆ นึงมาสองปี กลายเป็นว่าสิ่งที่เราค้นพบเขาไม่ชอบเรา เขาไม่เลือกเรา เราเลยรู้สึกว่า อุ้ยเหมือนโดนหักอกนิดนึง แต่เราเข้าใจในการเลือกขององค์กรมิสยูนิเวิร์ส เพราะเราเชื่อมั่นมาก แต่เราก็ต้องเดินทางต่อไป และพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นไร งั้นเราลองเลือกรักตัวเองในแบบอื่นดู แล้วก็ได้มาเจอเขา ได้ทำประสบการณ์หลายๆ อย่าง ก็รู้สึกดีที่ได้แต่งงาน และทำสิ่งที่รักพร้อมๆ กัน อยู่ดีๆ ต้นปีกองประกวดก็ประกาศเปลี่ยนกฎ คนแต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว เป็นทรานส์ สามารถประกวดได้ คิดมั้ยว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม? วีนา : ก็ตื่นเต้นและขนลุกมาก เพราะว่า 70 ปีมิสยูนิเวิร์สไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พอเราแต่งงานไม่กี่เดือน กฎมั้นเปลี่ยน สามีก็เห็นคนแรกและทักเรามาว่านี่เรื่องจริงหรือเปล่า ก็บอกว่าเดี๋ยวไปดูก่อนว่ามันคือความจริงมั้ย สรุปว่าจริงวินาทีแรกที่รู้ว่าจริง เราตัดสินใจอยู่ในหัวแล้วว่าปีแรกฉันมาแน่ ได้เจอฉันแน่(หัวเราะ) แอบคิดในใจมั้ย ว่ากฎใหม่ทำเพื่อเราหรือเปล่า? วีนา : ถ้าจะคิดเพื่อความสบายใจเราก็แอบคิดอยู่เหมือนกัน แต่องค์กรมิสยูนิเวิร์สเขาใหญ่มาก เขาต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมในทางที่ดี วีนาเชื่อว่าเขาคงไม่เปลี่ยนกฎเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เปลี่ยนกฎเพื่อผู้หญิงทุกรูปแบบให้สามารถเป็นมิสยูนิเวิร์สได้ ตรงนี้คือสิ่งที่เขาอยากให้คนเห็นและมีการเข้าร่วมกันในสังคมมากยิ่งขึ้น สู้มากเลยเพื่อเวทีมิสยูนิเวิร์สฯ ทำไมปักใจเวทีนี้เหลือเกิน ไม่คิดจะไปเวทีอื่นบ้างเหรอ? วีนา : จำได้ว่าคนชวนวีนามาประกวดตอนจบมหาวิทยาลัย และเขาชวนเราไปประกวดเวทีอื่น ซึ่งเราจะได้แต่งตั้งเป็นตัวแทนของประเทศเลยนะ แต่ตอนนั้นเราจำได้ว่าสิ่งที่เราดูมาตั้งแต่เด็กๆ และเราเชื่อมั่น เรามีแรงบันดาลใจ คือมิสยูนิเวิร์ส ฉะนั้นเวทีแรก เวทีที่สอง สาม หรือเวทีสุดท้ายที่วีนาจะประกวด ต้องเป็นมิสยูนิเวิร์สฯ เท่านั้น เพราะเราเชื่อมั่นเขา และเราอยากให้แรงบันดาลใจในสิ่งที่เราเป็น กับผู้หญิงทุกคน ทั้งประเทศไทยและทั่วโลกด้วย ไม่ว่าคุณจะผ่านอะไรมา ถ้าคุณเลือกพัฒนาตัวเอง คุณก็สามารถเป็นมิสยูนิเวิร์สฯ ได้ ขอพี่พีเคเลยแล้วกัน คำสุดท้ายบนเวที ให้เป็นชื่อวีนาเลย (หัวเราะ) ทำไมถึงผลักดันให้ภรรยาเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์? หาญเจริญ : เราเห็นว่าเธอเป็นแพชชั่นของการประกวดสูงมาก พอเห็นคนที่เรารักมีแพชชั่นตรงนี้สูงมาก เราก็อยากให้เธอมีความสุข อยากให้เธอทำในแพชชั่นของเธอ เขินมั้ยเพื่อนมาล้อดันภรรยาอยู่ได้? หาญเจริญ : (หัวเราะ) ไม่ได้เขิน ผมเห็นเขาชอบทำด้านนี้ ผมก็เป็นส่วนนึงที่ซัปพอร์ตได้ ถ้าคนไทยก็แซวป๋าดัน? หาญเจริญ : ไม่เข้าใจ (หัวเราะ) ผมเป็นสามีที่รัก เวทีมิสยูนิเวิร์ส ที่ผ่านมาทั้งหมด นางงามคนไหนเป็นแรงบันดาลใจให้เรา? วีนา : ถ้าคนไทยคนล่าสุดที่ได้มงกุฎ คือพี่ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ วีนาชอบมาก แต่ถ้าสตอรี่คนที่ชนะแล้ววีนาชอบมาก เขาคือพีอา อาลอนโซ ววทซ์บัค จากฟิลิปปินส์ ที่ชนะมิสยูนิเวิร์สปี 2015 เขาประกวดสามครั้งเหมือนวีนา แล้วครั้งที่สามเขาได้มงกุฎภายในประเทศและเขาชนะมิสยูนิเวิร์สด้วย วีนามองเขาเป็นไอดอลและจะทำให้ได้ในแบบนั้นค่ะ   ไฟในตัวโชติช่วง มุ่งมั่นสู้เต็มที่ สามีซัปพอร์ตดีแบบนี้ เตรียมตัวยังไงบ้าง เราเปลี่ยนการเตรียมตัวยังไง รูปร่างเปลี่ยนไปเยอะมาก? วีนา : พอรู้ว่าจะมาประกวด เราก็ดูแลเรื่องรูปร่าง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ามิสยูนิเวิร์สคือการประกวดระดับโลก ระดับจักรวาลด้วยซ้ำ หุ่นร่างกายเราสำคัญมาก ก็ฟิตร่างกาย ทานอาหารคลีน ทำพีราทิส ทำทุกอย่างที่จะทำให้เรารู้สึกว่าเฟรซ มีกล้ามเนื้อในร่างกายมากยิ่งขึ้น ต่อมาคือการพูด ภาษาอังกฤษสำคัญมาก เราก็ฝึกมาตลอดอยู่แล้ว เราก็พบเจอคุณสามี ทำงานด้วยกัน ทำงานในบริษัทก็ใช้ภาษาอังกฤษหมดเลย ฝึกภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆ อยากเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่ฝึกภาษาอังกฤษด้วย ถ้าเราใช้ทุกวัน เราก็ทำได้ นอกจากนั้นตอบคำถามเลยค่ะ คนข้างๆ นี่แหละ ดิฉันก็เตรียมคำตอบมาพูดให้เขาฟัง ฟังแล้วเป็นยังไง กินใจมั้ย เขาก็คอมเมนต์ว่ายูปรับตรงนั้น ตรงนี้ ได้ ปีก่อนนั้นบอกว่าขาใหญ่ไปนิดนึง รอบตอบคำถามเขาบอกมีความตื่นเต้นเล็กน้อย ปีนี้แก้ไขหมดแล้ว พร้อมแล้ว ดูแลรูปร่าง ดูแลตัวเอง มีส่วนช่วยภรรยาให้สวยขนาดนี้ได้ยังไง? หาญเจริญ : ผมเป็นคนออกกำลังกาย และกินอาหารสุขภาพดีอยู่แล้ว เธอก็มุ่งมั่นประกวด ก็กินอาหารเฮลท์ตี้ฟู้ดมากขึ้น ผมก็ช่วยพาไปออกกำลังกายด้วยกัน และพุชเธอตอนที่เธอไม่อยากออกกำลังกาย หรือไม่อยากกินอาหารเฮลท์ตี้ก็บอกว่ามากินด้วยกัน วันที่ขี้เกียจไปยิมทำยังไง? วีนา : มีแต่เขาค่ะที่ขี้เกียจไปยิม (หัวเราะ) ตอนนี้เอวเหลือเท่าไหร่? วีนา : 23 ค่ะ ก็รู้สึกว่าเป็นเอวที่เล็กที่สุดตั้งแต่เป็นสาวมา เมื่อก่อนวีนาพูดไม่เก่งขนาดนี้? วีนา : เวลามีสามีเราจะเถียงกันมากขึ้น (หัวเราะ) เราก็ฝึกจากตรงนี้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ วีนาฝึกมานะคะ วีนาทำรายการออนไลน์ทีวีโชว์ ทำรายการเพื่อสังคม มาพูดเรื่องโซเชียลอิชชู เราก็ฝึกตรงนั้นมาเรื่อยๆ เราทำมาสามปีแล้วค่ะ ชื่อรายการ The Spark Show ก็อยากให้ติดตามชมค่ะ   อยู่บ้านพูดภาษาอังกฤษตลอด? วีนา : ใช่ค่ะ ที่บ้านใช้ภาษาอังกฤษหมดเลย เมื่อก่อนอาจต้องแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้คิดปุ๊บเป็นภาษาอังกฤษได้เลยค่ะ เต็มสิบให้ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษของภรรยาเท่าไหร่? หาญเจริญ : 10 เต็ม 10 คลั่งรักรู้จักมั้ย? หาญเจริญ : ถ้าไม่บอกว่า 10 เต็ม 10 เดี๋ยวจะมีปัญหา (หัวเราะ) ในฐานะคุณจะส่งภรรยาไปจักรวาล ตอนนี้พร้อมแค่ไหนในการเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต? หาญเจริญ : ผมคิดว่าเป็นแพชชั่นของเธอมาก เต็มที่ ออกกำลัง ฟิตซ้อมทุกวัน เหมือนเวลาเดินขึ้นบันไดก็ทำให้เธอเดินอย่างมั่นคงมากยิ่งขึ้น จริงมั้ย คุณคือนักธุรกิจระดับหมื่นล้าน? หาญเจริญ : โน! ไม่ถึงหลักพันล้าน แต่คืออยากทำงานเพื่อเมคชัวร์ว่าธุรกิจขับเคลื่อนได้ดี มีผลดีต่อธุรกิจไทย ทำงานอะไร? หาญเจริญ : ผมทำดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เหมือนใช้เทคโนโลยีและการตลาดให้บริษัทใหญ่ๆ ได้เข้าถึงสังคมมากขึ้น และมีผลทางมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น และอีกส่วนที่ผมเพิ่งเริ่มคือผมจะทำเกี่ยวกับมิวสิก โปรดักชั่นเฮ้าส์ แล้วผมเองก็จะใช้ตัวเองเป็นอาร์ติสต์ มิวสิก อินเดียน ป๊อป ภาษาอังกฤษ มิกซ์ๆ กัน อาจมีไทยด้วย ก็ต้องฝึกภาษาไทย วีนาช่วยเรื่องบริษัทมั้ย? วีนา : ช่วยค่ะ ในเรื่องการทำเกี่ยวกับดิจิทัลออนไลน์ เรื่องการทำเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่นต่างๆ เราก็ช่วย แล้วเราก็ช่วยในเรื่อง CSR ของบริษัทด้วย ทำรายการ  The Spark Show นั่นเอง เป็นรายการช่วยพัฒนาสังคม ด้วยอาชีพสามี จะช่วยผลักเราไปอีกก้าวในการคว้ามงฯ ถือว่าได้เปรียบมั้ย? วีนา : วีนามองว่าประสบการณ์สำคัญ และวีนามีประสบการณ์ที่ดีมากที่ได้จากเขาเองที่ช่วยสอน เรื่องการทำออนไลน์และทำให้เราเข้าใจโลกดิจิทัลมีเดียมากยิ่งขึ้น ยิ่งเรามีประสบการณ์เยอะ ก็จะยิ่งผลักดันเราให้เป็นคนรอบรู้และมีส่วนในการคว้ามงฯ ได้อยู่แล้วค่ะ ปีนี้ถ้าพลาดอีก ปีหน้าเราจะกลับมามั้ย? วีนา : วีนาว่าถ้าเราวางแผนมาดี มีแพชชั่นแรงกล้าจริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไรเราจะใส่ความพยายามเต็มที่ มากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์เลย ฉะนั้นถ้าแพลนเอเราทำได้เต็มที่แล้ว ก็ไม่มีแผนสำรอง วีนาจะต้องได้มิสยูนิเวิร์ส ปีนี้เท่านั้น …

“วีนา ปวีนา” ควงสามีนักธุรกิจหมื่นล้านเปิดเส้นทางความรัก Read More »

“คนค้นฅน” ตอน “ทุนชีวิต” ราวชีวิตของเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่ครอบครัวฐานะยากจนและด้อยโอกาส แต่ด้วยความที่พวกเขาเป็นเด็กที่ใฝ่ดี มีศักยภาพและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นั่นจึงทำให้ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการ “อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี”  ซึ่งเป็นโครงการของ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ ซึ่งถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต รวมทั้งเป็นใบเบิกทางให้เยาวชนกลุ่มนี้ได้สามารถต่อยอดและพัฒนาตัวเองสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งตลอด 3 ปีที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในรั้ววิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ  นอกจากจะได้รับการดูแลทุกอย่างทั้งค่าเทอม ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ตลอดจนอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญนั่นคือได้รับการฝึกฝนทักษะอาชีพ ที่หลังจากเรียนจบแล้วสามารถทำงานได้จริงและมีงานรองรับ  รวมทั้งได้รับการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ทักษะการใช้ชีวิตต่าง ๆ นั่นจึงทำให้ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ดำเนินโครงการ“อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี” มา ทำให้เยาวชนหลายต่อหลายคนต่างเติบโตสู่การเป็น “คนคุณภาพของสังคม”  มีอาชีพ มีรายได้ รวมทั้งเป็นที่พึ่งและความหวังของครอบครัว ติดตามเรื่องราวคนค้นฅน ตอน ทุนชีวิต