“ยิ่งยง ยอดบัวงาม” ควง “ฮาย อาภาพร” เคลียร์ข่าวเม้าธ์ลูกสาว “น้องโยโย่” ลั่นรักมากแต่ไม่มีทางได้กัน ขออย่าเป็นเมียน้อยใคร” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “ฮาย อาภาพร” เปิดใจครั้งแรกหลังคว้าปริญญาโทในวัย 53 ปี แพลนต่อดอกเตอร์? พร้อมควง “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” คู่จิ้นวงการลูกทุ่งในตำนาน เคลียร์ข่าวเตรียมลงสมัครเป็นนักการเมือง และวีรกรรมอะไรที่ทำให้ความสนิท 30 ปีสั่นคลอน พร้อมลูกสาวที่ชาวเน็ตเม้าธ์ “น้องโยโย่” คือลูกของ ฮาย-ยิ่งยง จริงหรือเปล่า? ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี ชมพู่ ธัณย์สิตา และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ยิ่งยง : ยินดีกับน้องฮาย เห็นว่าจะต่อดอกเตอร์ใช่มั้ย ฮาย : กำลังดูก่อนว่าจะเรียนมั้ย ยิ่งยง : ดีงาม ไม่แก่เกินเรียน พี่ฮายจบปริญญาโทในวัย 53? ฮาย : เข้า 54 อย่างภาพที่เห็น เมื่อปีที่แล้วรับปริญญาตรีไป จริงๆ จบมา 5 ปีแล้วค่ะ แต่ติดโควิด ปีที่พี่ยงรับ ปี 63 เรียนอะไรกัน? ยิ่งยง : รัฐประศาสนศาสตร์ เกี่ยวกับการเมือง กฎหมาย การบริหารทรัพยากรมนุษย์ จะเล่นการเมืองกันเหรอ? ฮาย : ตอนนี้ไม่ได้คิดตรงนั้น ยิ่งยง : ตอนนี้ตั้งพรรคไว้แล้ว พรรคนี้ไม่ค่อยเจอกัน (หัวเราะ) ฮาย : (หัวเราะ) การบริหารตรงนี้เราคิดว่าจบมาเราบริหารองค์กรเล็กๆ ของเราก็ได้ บริหารครอบครัว ลูกน้อง บริษัทของเรา แต่เรียนแล้วได้จริงๆ อย่างที่บอกไม่มีใครแก่เกินเรียน รุ่นเราตอนแรกก็คิดว่าเราต้องไปเรียนกับเด็กเหรอ อายเด็กจังเลย แต่พอไปเรียนจริงๆ อายุ 60 ก็มี 40 ก็มี ที่เราไปเรียนเขาเรียกว่ารุ่นเจ้าสัว คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วและไปเรียนต่อ ยิ่งยง : คนมีเงินแล้วไปเรียน ฮาย : หนึ่งเราได้ความรู้แน่นอน สองเราได้คอนเนคชั่นเพื่อนๆ เจ้าของโรงงาน เจ้าของบริษัทน้ำปลาร้าส่งออก เจ้าของยา อะไรต่างๆ มีหลายคนที่ไปเรียนแล้วเจอเพื่อนร่วมห้องจีบ พี่ฮายมีมั้ย? ฮาย : แน่นอยู่นะ (หัวเราะ) แต่เราไม่ได้เน้นตรงนั้น ถ้าเน้นตรงนั้นตอนนี้ก็ประมาณ 80 กว่าคน (หัวเราะ) ผ่านผู้ชายเป็นร้อย กองร้อยที่เขายืนเรียงแถว พี่เดินผ่านเป็นร้อย (หัวเราะ) ยิ่งยง : คนจีบเยอะคือเรื่องจริง ตกลงพี่สองคนเคยคบกันมั้ย? ฮาย : ไม่เคยเลยนะ ยิ่งยง : จริงๆ เราทำงานด้วยกันตั้งแต่ปี 35 ตอนนั้นน้องฮายชื่อว่าน้องนิด ศิษย์บุญโทน ส่วนพี่ยิ่งยงดังเพลงสมศรี 1992 หาคนร้องแก้ไม่ได้ ทุกคนก็ลงมติในบริษัทว่า น้องนิด ศิษย์บุญโทนนี่แหละ เขาเป็นตัวสำรอง อีกคนให้ไปฝึกเพลงมาอาทิตย์นึงก็แล้ว สองอาทิตย์ก็แล้ว เดือนนึงก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว เฮ้ย ไม่ได้ ก็ตัดสินใจเอาน้องนิดดีกว่า ฮาย : เขาเลยโยนเพลงเสียงครวญจากสมศรีที่ร้องแก้มาให้สัก 4 ทุ่ม อีกวันเราก็ร้องได้เลย เขาก็ให้ไปร้องเลย ก็กลายเป็นคู่จิ้นตั้งแต่ตอนนั้น เดินสายคอนเสิร์ตกับพี่ยิ่งยงอยู่ปีนึง พี่ยิ่งยงแอบไปนอนบ้านพี่ฮาย? ฮาย : บอกแล้วอย่าให้คนรู้ ยิ่งยง : ฮายเขาเป็นคนรักเราเหมือนพี่ เขาจะชวนไปนอนที่บ้านเขา ทำกับข้าวกิน บ้านฮายสมัยก่อนบ้านเล็กๆ มีห้องๆ เดียว ฮายนอนบนเตียง ผมนอนข้างล่าง นอนห้องเดียวกัน ผมเข้าไปห้องน้ำเจอเสื้อใน กางเกงในหมด (หัวเราะ) เราก็ไปล้างห้องน้ำให้เขาด้วย ฮาย : เอาโต๊ะปีนเช็ดตู้เสื้อผ้า แต่เขาไม่ได้ไปคนเดียว เขาไปกับแฟน ยิ่งยง : ตอนนั้นแต่งงานแล้ว ไปด้วยกัน จริงๆ ไปบ้านฮายก็ไปกับแฟน ฮาย : เตียงหกฟุตเราก็ให้เขานอน เรานอนโซฟา ตอนนั้นพี่ทิพย์ (ภรรยายิ่งยง) กลัวผี เขาขอมานอนที่บ้าน ตลกมากเลยเมียคุณ (หัวเราะ) พี่ฮายกับพี่ยง รู้จักก่อนเจอพี่ทิพย์ พี่ยงเคยมีอารมณ์แบบชอบพี่ฮายฉันท์ชู้สาวมั้ย? ยิ่งยง :   ชู้สาวไม่มี แต่ชื่นชมในความเป็นฮาภาพรตอนนั้น น้องเก่ง น้องดูแลครอบครัว ดูแลลูกหลาน เราชื่นชมในความเป็นคนที่ใส่ใจ มุ่งมั่น ทำอะไรก็ได้ให้ครอบครัว ให้พ่อแม่มีความสุข ไม่มีสักแว๊บเลยจริงๆ รักเหมือนน้องจริงๆ ถึงผมจะหน้าตาดี แต่ผมก็เลือกนะ (หัวเราะ) พี่ฮายล่ะ มีแว๊บๆ กับพี่ชายมั้ย? ฮาย : มันแปลกมาก เราอาจทำบุญร่วมอธิษฐานกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว เราเป็นผัวเมียแต่ไม่เอากันนะ ยิ่งยง : (หัวเราะ) ยังไงวะเนี่ย ฮาย : คนทั้งประเทศคิดว่าพี่ยงเป็นสามี ไม่ว่าจะเล่นคอนเสิร์ตหรือไปที่ไหน จะถามว่าสามีไม่มาเหรอ เราก็ถามว่าใครเหรอคะ เขาก็บอกยิ่งยง ไม่มีจริงๆ พี่หันไปทีไรก็คิดว่าเป็นศิลปินคนเดียวที่หน้าเหมือนงูเห่า ไม่ได้ (หัวเราะ) ยิ่งยง : ตรงไหน เกาหลีจะตาย เวลาผมไปคอนเสิร์ต ก็จะมีทักว่าเมียไม่มาด้วยเหรอ ใครอ่ะ ฮาภาพรไง ผมก็บอกว่าเลี้ยงลูกอยู่บ้านครับ (หัวเราะ) ฮาย : ไม่เคยแก้ให้กูเลย แล้วชอบเรียกว่าอ้วน อึ่งเผือก ยิ่งยง : ตอนอ้วนๆ เดินกลมๆ จะเหมือนอึ่ง (หัวเราะ) ถ้าเรือแตกแล้วติดเกาะสองคน มีสิทธิ์จีบกันมั้ย? ฮาย : พี่ยอมนั่งจิ้มดินดีกว่า มันไม่มีอารมณ์ตรงนั้นหรอกลูก ถ้ามีผู้ชายคนเดียวในโลก พี่ก็จะเก็บไว้เยี่ยวอย่างเดียว เอาจริงๆ อารมณ์นั้นมันไม่มี เข้าใจมั้ย ยิ่งยง : มึงพลาดแน่ (หัวเราะ) ฮาย : แต่พี่ว่าพี่ยงเอาพี่ คนอย่างเขาพี่รู้ คนพรรณนี้ คิดเอาเองแล้วกัน (หัวเราะ) สมัยพี่ฮายออกเดต นัดผู้ชายไปแดนเนรมิต แต่หนีไม่พ้นพี่ชายคนนี้? ฮาย : ครั้งแรกเลยในชีวิตออกเดตกับผู้ชาย ไปทำไม ยิ่งยง : …

“ยิ่งยง ยอดบัวงาม” ควง “ฮาย อาภาพร” เคลียร์ข่าวเม้าธ์ลูกสาว “น้องโยโย่” Read More »

“เปาวลี – แม่บังอร” ย้อนเล่าเหตุการณผิดใจกับแม่ รับเครียดคนถามเมื่อไหร่จะมีลูก? เปา เปาวลี นักร้องลูกทุ่งสาวคนสวยที่วันนี้ขอควงคุณแม่บังอรมาเปิดใจย้อนเล่าเหตุการณ์เคยผิดใจกับแม่เพราะไม่ปลื้มลูกสาวรีบมีแฟน เผยเครียดทุกครั้งที่ถูกถามเมื่อไหร่จะมีลูก ? ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร แม่ลูกคู่นี้ตัวติดกันเลย สนิทกันขนาดไหน ? แม่ : สนิทแบบไปไหนไปด้วยกัน กิจกรรมที่ชอบทำด้วยกันคืออะไร ? เปา : ร้องคาราโอเกะ ครอบครัวเราขายของตามตลาดนัด หลังจากเลิกงานก็ร้องคาราโอเกะกันทุกวัน แสดงว่าที่เปาร้องเพลงเก่งขนาดนี้เพราะว่าฝึกร้องคาราโอเกะกับที่บ้าน โดยเฉพาะกับคุณแม่ เห็นว่าคุณแม่เป็นครูคนแรกในการสอน ? เปา : ตั้งแต่เกิดมาหนูก็ได้ยินเสียงเพลงแล้วโดยเฉพาะเป็นเพลงลูกทุ่ง คุณตาก็ชอบร้องเพลง แม่เวลากวาดบ้านถูบ้านทำกับข้าวก็ร้องเพลงลูกทุ่ง มันก็ซึมซับด้วย การที่เราได้จับไมค์ร้องเพลงคาราโอเกะด้วยกันทุกวัน เริ่มแรกก็ไม่ได้จริงจังเป็นการสนุกสนานมากกว่า พอแม่เห็นว่าหนูร้องเพลงได้มีลูกเอื้อน แม่ก็จับติวเลย แม่สอนลูกยังไง ? แม่ : ก็ใช้ฟัง ถ้าฟังแล้วไม่ใช่ก็บอกว่าไม่ใช่นะ เอาแบบแม่นี่ การที่เปามาเป็นนักร้องอาชีพได้เต็มตัวกี่เปอร์เซ็นต์เพราะแม่ ? เปา : ให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ หนูว่าได้ดีเอ็นเอจากแม่ จากการที่เราร้องเพลงได้ ร้องเพลงเป็น เป็นพรสวรรค์ด้วย แล้วก็ได้จากแม่ที่สอนเรามาแต่แรกเลย แล้วก็เป็นคนสนับสนุนด้วย เป็นคนที่ฟังปุ๊ปแก้ไขในสิ่งที่เราต้องแก้ไขได้ สิ่งที่แม่สอนเป็นเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ในการเอาไปใช้ ? เปา : ใช่ค่ะ ใช้ได้หมดเลยจริงๆ ทำให้เรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วย ได้ไปเรียนกับครูเป็นเรื่องเป็นราวบ้างมั้ย นอกจากแม่ ? …

“เปาวลี – แม่บังอร” ย้อนเล่าเหตุการณผิดใจกับแม่ รับเครียดคนถามเมื่อไหร่จะมีลูก? Read More »

“มาย-อาโป” เปิดใจ ฮอตระดับโกลบอล สร้างมูลค่าสื่อให้แบรนด์ระดับโลกกว่า 159.9 ล้าน! “มาย ภาคภูมิ” และ “อาโป ณัฐวิญญ์” สองนักแสดงสุดฮอต ระดับโกลบอล ที่วันนี้จะมาย้อนเล่าวีรกรรมวัยเด็ก ไม่สนใจการเรียน พร้อมเปิดเส้นทางในวงการบันเทิงนานกว่า 10 ปี จนกลายเป็นนักแสดงแถวหน้า สร้างมูลค่าสื่อให้กับแบรนด์ระดับโลก ได้มากกว่า 159.9 ล้านบาท ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ  ซีรีส์ที่เล่นชื่อว่าคินน์พอร์ชเดอะซีรีส์ ดังทั่วโลก กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ ทั้งคู่ไม่เคยใฝ่ฝันเลยว่าจะเป็นดารา ตอนวัยเด็กอยากเป็นอะไร? มาย : ตอนเด็กอยากเป็นวิศวโยธา ตอนเด็กผมเคยมีญาติ ญาติพาไปเที่ยว เห็นเขาทำฝาย ผมก็มีความใฝ่ฝันอยากทำฝาย ดูเท่ อาโป : ผมโนไอเดียเลย ไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร อยากเป็นอะไร พ่อแม่การศึกษาไม่ได้สูง เขาก็แค่อยากให้ลูกเรียนในสิ่งที่คิดว่ามันมั่นคง เป็นหมอหรืออะไรแบบนี้ เราก็รู้ลึกๆ ว่ามันไม่น่าเหมาะกับเรา มันก็เลยเคว้ง เหมือนอยู่ในครอบครัวที่เขาคาดหวัง เราก็งงอยู่พักใหญ่ๆ ตอนเด็กเป็นไง ตั้งใจเรียนมั้ย? อาโป : ตอนเด็กผมแสบมาก ไม่ค่อยเอาอะไรเลย ส่วนใหญ่จะเอาแต่กิจกรรม ชอบออกไปเล่นบาส จะเล่นตลอดเวลา ถ้าใครเห็นภาพวัยเด็ก จะเห็นว่าผิวคล้ำเลย ถึงขั้นไม่วางแผนว่าชีวิตจะเรียนต่ออะไร? อาโป : ตอนเข้าธรรมศาสตร์วิศวะได้ อันนั้นคือตามเพื่อน ผมไม่ได้ชอบ โปชอบจินตนาการ ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ อีก 5-10 ปีเรายังทำมันอยู่มั้ย มันก็จินตนาการได้ว่าเฮ้ย เราไม่น่าทำงานที่นั่งอยู่ในออฟฟิศได้แน่นอน ก็เลยตัดสินใจออกซะ เรียนไปปีนึงแล้วออก ตอนนั้นเราสร้างภาพว่าเราคงไม่ทำงานที่เป็นรูทีน ทำงานซ้ำๆ วนไปวนมา ออกแล้วไปอยู่ไหน? อาโป : มีช่วงที่ว่างไปปีสองปี ช่วงนั้นใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงมาก เพื่อค้นหาชีวิตว่าเราชอบอะไร เราอยากเป็นอะไร ตื่นมาก็ไปวิ่งเล่น ไปเล่นสเก็ตบอร์ด พอตกเย็นก็ไปดื่ม วนๆ อย่างนี้ มาย : สมัยก่อนไม่ชวนบ้าง (หัวเราะ) พูดเล่นๆ พ่อแม่ช็อกมั้ย? อาโป : เราไม่ค่อยบอกเขา แต่ก่อนเราไม่สนิทกันมาก เราก็เลยอยู่กับตัวเองอยู่กับเพื่อน มายก็ไม่เบานะ ความแสบของคุณ? มาย : คนอาจคิดว่าผมแสบ แต่จริงๆ ผมแค่อยากเรียนรู้ชีวิต แต่เร็วไปนิดนึง เด็กๆ เป็นเด็กเรียน ไปแข่งเลข ชอบแข่งเลขมาก เราก็รู้จักกีต้าร์ เริ่มรู้จักคำว่าบันเทิง ก็ค่อยๆ ไหลไป แล้ววันนึงสอบเข้าม. 4 ทีนี้เกิดอาการโฮมซิก ไปโรงเรียนแล้วไม่ค่อยแฮปปี้ คิดถึงบ้าน จริงๆ ผมกาฬสินธุ์ มาเรียนต่อกรุงเทพฯ ตอนม.4 เราก็โหวงๆ คิดถึงบ้าน แต่เราก็ไม่อยากทำให้ที่บ้านเป็นห่วง ไม่ได้บอกอะไรเขาเลย แต่ใช้วิธีเอาสิ่งไม่ดีออกด้วยการไปหาอะไรทำระหว่างที่ต้องเรียน ไปตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ชวนคุยกับคน ชวนคุยกับป้าขายลูกชิ้น คนกวาดถนน แท็กซี่ หรือใครก็ตามที่เขาเพิ่งเลิกงาน ตอนนี้เพิ่งม. 4 ม.5 แต่ข้อเสียคือไม่ได้เข้าเรียนเลย เทอมนึงน่าจะ 20 เปอร์เซ็นต์ของเทอมที่เข้า ม.4 ม.5 ก็หนักอยู่ครับ ก็เรียกผู้ปกครอง พอแม่รู้เราก็รู้ว่าเขาเป็นห่วงเราแล้ว เราก็ค่อยๆ ยอมๆ ไป แล้วก็ปรับตัวตามกาลเวลา กลับมาตั้งใจเรียน ถือว่าเป็นคนหัวดีทั้งคู่ คนนึงตามเพื่อนไปถึงธรรมศาสตร์ คนนึงถึงเกเร แต่ก็อยู่เตรียม เอ็นติดด้วย? มาย : เข้ามธ. เด็กวารสาร ทำไมไม่เข้าวิศวะล่ะ? มาย : พอคุยกับคนเยอะๆ ปุ๊บ รู้สึกว่าจริงๆ ชีวิตมีอะไรเยอะแยะมาก เรารู้สึกชอบคุย ชอบสัมภาษณ์คน อยากเป็นนักข่าวเหรอ? มาย : ณ จุดนั้นเราอยากเป็นนักข่าว รู้สึกว่าชีวิตมีหลากหลายมาก ถ้าเราได้ถ่ายทอดจากคนที่ไม่มีโอกาสได้พูดออกไป เราบอกแทนเขา เช่นนักข่าวก็น่าจะดี หรือไม่ก็ชอบตัวเลขอยู่หรือบัญชีดีวะ ก็ชั่งใจอยู่พักใหญ่ๆ อาโปดื่มแอลกอฮอล์แทนน้ำ? อาโป : เป็นช่วงเรียนรู้ชีวิต ว่าถ้าเราทำพฤติกรรมแบบนี้บ่อยๆ เราจะชอบมั้ย เราก็ลองดื่มมันแทนน้ำเลย แล้วดูว่าเราชอบมันมั้ย แล้วพอทำไป ก็ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้ชอบกับการดื่มแอลกอฮอล์ เราไม่ชอบการใช้ชีวิตแบบนี้ ณ ตอนนั้นยืนมองตัวเองในกระจก แล้วเข้าใจได้ว่าเราหยุด เราเริ่มต้นชีวิตใหม่ดีกว่า จากวันนั้นจนถึงวันนี้เราก็ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอลล์แล้ว บางคนดื่มแล้วจะไหลไปกับสิ่งนั้น อะไรทำให้เราหยุด พอ บางคนกว่าจะรู้และถามตัวเองว่าชอบไม่ชอบ มันสายไปแล้ว จุดหันมาคิดมองตัวเองคืออะไร? อาโป : โปว่าโชคดีที่บ้านโป เขาธรรมะธัมโม เขาจะฝึกเรื่องสติ ศีลธรรม เขาสอนเราอยู่ตลอด ทำให้เราฉุกคิดได้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันถูกต้องกับตัวเองมั้ย อยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นได้ ว่าสิ่งที่เราทำเรามีความสุขมั้ย ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วมาเป็นนักแสดงได้ยังไง? อาโป : พอดีช่วงที่ค้นหาชีวิต เราบังเอิญเจอผู้จัดการคนเก่า คือพี่เบิ้ม เขาก็พาไปเดินแบบ เดินอยู่สักพัก ตอนนั้นเขาให้ไปแคสที่ช่อง 3 บังเอิญแคสไม่ผ่าน เขาก็เลยบังเอิญไปเจออีกคน คือพี่หนุ่ม กฤษณ์ ตอนนั้นกำลังจะถ่ายสุดแค้นแสนรัก เขาให้ไปแคสเรื่องนั้น ที่เล่นกับพี่เบนซ์ด้วย นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ได้เป็นนักแสดง นั่นคือเรื่องแรก แคสกับช่องไม่ผ่าน แต่แคสกับพี่หนุ่ม พี่หนุ่มบอกว่าต้องเป็นบทคู่แฝด แล้วโปดันไปคล้ายกับอีกคนนึง เขาก็เลยให้มาลองดู แล้วส่งไปเรียนการแสดง ซึ่งผ่านมา 10 ปีพอดี พี่เบนซ์ยังสวยเหมือนเดิม (เบนซ์บอกว่าอาโปมีแววอยู่แล้ว เป็นคนขี้สงสัยแล้วก็จะถามเลย เด็กบางคนไม่ได้ถาม บอกมาก็เล่นตามนั้น แต่อาโปเป็นเด็กขี้สงสัย ซึ่งเป็นข้อดีเพราะพอถามแล้วได้ความรู้ กว่าจะจบเขาก็เล่นเก่งเลย หลังเรื่องสุดแค้นก็ได้เล่นอีกหลายเรื่อง แล้วอะไรทำให้ตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตใหม่ ก้าวใหม่ของชีวิต? อาโป : ต้องย้อนกลับไปก่อนว่าตอนนั้นพอเล่นสุดแค้นเสร็จ บังเอิญได้ไปเล่นกับพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ เรื่องเลือดมังกร แล้วเล่นกับพี่นก ฉัตรชัย พี่นกเขามีแพชชั่นทางด้านแสดง ทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาว่าถ้าเราจะเอาอันนี้เป็นอาชีพ เราต้องทำยังไงกับมันบ้าง ต้องตั้งคำถามยังไง ต้องศึกษายังไงกับการเป็นตัวละคร เลยเป็นจุดเริ่มต้นว่าเราจะเอาดีด้านนี้แล้วนะ เราทำมาเรื่อยๆ ก็คิดว่าการละครไม่ตอบโจทย์เรา สมมติปีนึงมีพีเรียดนึง มี 3 พาร์ต เขาถ่ายพาร์ตละ 2-3 เรื่อง มันทำให้เราไม่มีเวลาไปใช้ชีวิตอย่างอื่น ตอนนั้นอยู่มา 2-3 ปีแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเราถ่ายแต่ละคร ไม่ได้ทำอะไรเลย เราก็คิดว่าเฮ้ย ชีวิตเรามีแค่นี้เองเหรอ เราอยากออกไปเจอโลกบ้าง ได้เรียนรู้มุมอื่นบ้าง อยากไปทำงานที่ทุกคนทำงานอย่างละเอียดอ่อน เราเป็นเด็กช่างสงสัย ก็จะถามตัวเองตลอด ทำไมถึงเป็นอันนี้ไม่ได้ ทำไมถึงได้แค่นี้ นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจว่าที่นี่ไม่เหมาะกับเรา เราก็เลยย้ายไป ตอนนั้นตัดสินใจออก เก็บของ ขายทุกอย่างทิ้งที่เมืองไทย แล้วไปอยู่ที่นิวยอร์ก มายเข้าวงการได้ยังไง? มาย : พอเรียนวารสารเราก็เปิดใจว่าจริงๆ ต้องหาอะไรทำ ระหว่างเรียน เราจะได้เรียนรู้หน้างานด้วยนอกจากวิชาการ การไปคุยกับคนต่างๆ ก็ได้มายด์เซ็ตว่าเราควรเปิดใจกับทุกอย่างที่เข้ามา เพราะโลกกว้างมาก ก็เริ่มไปเป็นดีเจคลื่นวิทยุคลื่นนึงตอน 18 เราก็คุยหมดเลย ช่างแต่งหน้าวันนั้นก็ยังแต่งหน้าวันนี้ คนแรกกับปัจจุบันก็เป็นคนเดียวกัน เราก็รู้สึกว่าวงการบันเทิงมีหลากหลาย พอมีอะไรมาก็ไปแคส บวกกับความใจดีของเรามั้ง เวลาใครบอกไปทำนี่ให้หน่อยสิ เราก็ไปทำ โดยเราไม่ได้คาดหวังว่าจะดังหรือได้เงิน เพราะเราทำโดยไม่ได้ต้องการเรื่องตรงนั้นสักเท่าไหร่ เหมือนคินน์พอร์ชเหมือนกัน เราก็แค่ไปช่วยเขา เพราะเขาบอกว่าบทนี้มาจากบุคลิกเราบางอย่าง เพราะนักเขียนรู้จักเรา ก่อนรู้จักนักเขียนก็เป็นโปรดิวเซอร์รายการ เขาก็ชวนเราไปออกรายการเขา แล้วเขาก็เห็นแค่นั้นเอง เราก็ไปสิ แต่ไม่มีใครรู้จักพี่นะ ไปได้มั้ย ก็ไปช่วยกัน หลังจากนั้นสองเดือนเขาก็ติดต่อมาอีก ว่ามีนิยายที่เขาเขียน เขาอยากทำเป็นซีรีส์ เขาเขียนจากตัวมายประมาณใหญ่ๆ เลยแหละ ลองไปแคสให้ดู แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเล่นหรือเปล่านะ เพราะไม่รู้แอ็กติ้งได้ดีขนาดไหน ก็ลองดู แล้วก็ลุย มาถึงตอนนี้ อาโปไปทำอะไรอยู่อเมริกา? อาโป : เราอยากเปลี่ยนมุมมองใหม่ทั้งหมด ตอนเล่นละครมา ก็จะมีระบบที่เขาบอกว่าคุณต้องวางตัวแบบนี้ คุณต้องเป็นแบบนี้ ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ จริงๆ เราคือมนุษย์ เราควรทรีตทุกคนเท่ากัน เราควรใช้ชีวิตปกติได้สิ เราก็เลยตั้งใจไปที่นั่น แล้วขาดการติดต่อกับคนฝั่งนี้ เมื่อก่อนเรามีผู้จัดการ แต่ ณ วันนี้เราต้องดีลทุกอย่างด้วยตัวเอง เวลาเราอยากได้อะไร มันเลยเหมือนต้องคิดเป็นระบบมากขึ้น พอไปปั๊บก็คิดว่าถ้าวันนึงเราประสบอุบัติเหตุ เราเป็นนักแสดงไม่ได้ เราทำอะไรได้บ้าง ณ วันนั้นฉุกคิดมาว่าเราทำอะไรไม่เป็นเลยนี่หว่า เราเป็นนักแสดงได้อย่างเดียว เราก็เริ่มค้นหาว่าเราเป็นอะไรได้บ้าง เราเลยไปลองถูพื้น เป็นแคชเชียร์ เป็นบาร์เทนเดอร์ ก็คิดว่าเป็นชีวิตอีกแบบนึง นี่คือมนุษย์จริงๆ เพราะเรื่องภาพลักษณ์ที่เรามี เรื่องหน้าตาที่อื่นเขาไม่รู้จักเรา เขาไม่แคร์เราเลย เขาทรีตเราเป็นมนุษย์คนนึง ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าจริงๆ มนุษย์คืออะไร ซึ่งสิ่งนั้นแหละทำให้เราอยากลองไปแคสเป็นนักแสดงที่นั่น ต่อให้เวิร์กหรือไม่เวิร์กอย่างน้อยเราได้ลองทำ บังเอิญโควิดเข้า เสน่ห์นิวยอร์กคือคนพลุกพล่าน พอทุกคนหยุดแล้วหายหมดเลย เราก็เฮ้ย เสน่ห์หายไป เราไปทำอย่างอื่นดีกว่า ก็คิดว่ากลับมาที่เมืองไทยดีกว่า บังเอิญตอนนั้นมีคินน์พอร์ชเปิดให้แคส เราก็เลยไปแคส แล้วบังเอิญได้เล่น จนทุกวันนี้ อยู่นานมั้ย? อาโป : ประมาณ 6 เดือน เหมือนเส้นทางชีวิตต้องมาทางนี้ เขาดังมากจริงๆ คินน์พอร์ชเดอะซีรีส์ โด่งดังถึงขนาดไปเล่นคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์? อาโป : ไปหลายเมือง มีไทเป สิงคโปร์ เกาหลี ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เวลามีตติ้งแฟนคลับจะเป็นแบบนึง แต่นี่คอนเสิร์ตยิ่งใหญ่อลังการ รู้สึกยังไงบ้างที่วันนั้นพี่เขาชวนเรา เราลองดู อีกคนโควิดกลับมาเมืองไทย จนความสำเร็จเวอร์วังขนาดนี้ รู้สึกยังไงบ้าง? มาย : จริงๆ ผมมีความสุขมาก เพราะคลิกสุดท้ายที่เราเลือกว่ามาทำบันเทิงเต็มตัวดีกว่า ให้เวลาโดยทิ้งงานอื่นไปเลย คือเราอยากสร้างความสุขให้คน ส่งต่อความสุขให้คนผ่านงานบันเทิง เราชอบกีต้าร์ เราชอบร้องเพลง แอ็กติ้งได้บ้าง มาผนวกรวมกัน พอไปคอนเสิร์ตเราได้เจอคนหลากหลายประเทศ หลากหลายเมือง หลากหลายโลเกชั่น เราเห็นแววตาของความสุข เสียงกรีดร้องที่ไพเราะต่างๆ นานา มันเป็นเอนเนอร์จี้ที่เรามีความสุขจากงานที่พวกเราทำ นั่นคือทำให้ผมโอเคมากๆ กับเป้าหมายในวงการบันเทิง อาโป : โปภูมิใจมาก ในฐานะนักแสดง สิ่งที่เราทำ คือเราเป็นตัวแทนในการเล่าประสบการณ์ชีวิตตัวละคร ให้คนดูได้กำลังใจ ได้เรียนรู้ชีวิต แต่พอเราได้ทำคอนเสิร์ต เราส่งไปปั๊บเราเห็นเลยว่าเขามีความสุข มันเลยเป็นอีกเวย์ที่เรารู้สึกว่ามันเจ๋ง เราแค่เต็มที่แล้วเขาก็มีความสุขขึ้นมาโดยเราไม่ได้ทำอะไรมากเลย ทำให้รู้ว่าหลายๆ ที่ในโลก สิ่งเชื่อมกันคือความสุข การสร้างมูลค่าทางสื่อ 160 ล้าน ไปทำอะไรมา? มาย : จริงๆ เราสองคนเป็น House Ambassador ของดิออร์ ของประเทศไทย ไปร่วมงานที่ฝรั่งเศส อาโป : พลังของแฟนๆ ทั่วโลกเขาซัปพอร์ตกันลงโซเชียล มันเลยทำให้ยอดสื่อไปถึงขนาดนั้น ก็ขอบคุณแฟนๆ มากๆ หนึ่งโพสต์ ทำให้ยอดซื้อสินค้าพุ่งทะยานเพิ่มมากขึ้น สองคนรวมกัน 160 ล้านถือว่าเยอะมากๆ ล่าสุดมายเป็นอะไร? มาย : เฟรนด์ ออฟ เกอร์แลง ต้องขอบคุณแบรนด์ด้วย ผมเป็นในพาร์ตของน้ำหอม เดือนที่แล้วไปฝรั่งเศสมา ไปดูของเกอร์แลง ทั้งเกอร์แลง ทั้งดิออร์ การทำงานเขาเจ๋งมากในทุกส่วนจริงๆ แล้วโปรดักส์เขาดีมากๆ ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : …

“มาย-อาโป” เปิดใจ ฮอตระดับโกลบอล สร้างมูลค่าสื่อให้แบรนด์ระดับโลกกว่า 159.9 ล้าน! Read More »

“เป้ย ปานวาด” เปิดใจครั้งแรก “ปาลิน” ผ่าตัดครั้งใหญ่ เนื้อที่ในการหายใจเหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ หยุดหายใจตอนหลับ หมอถามใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง? “เป้ย ปานวาด” นางร้ายสุดแซ่บ ที่วันนี้จะมาเปิดใจครั้งแรก หลังลูกสาว “น้องปาลิน” ผ่าตัดครั้งใหญ่ ใช้เวลาผ่าตัดกว่า 2 ชม. ครึ่ง และเผยโมเมนต์ความประทับใจระหว่าง “พี่โปรด-น้องปาลิน” พร้อมขอเคลียร์ข่าวเม้าธ์ เตรียมทวงบัลลังก์เซ็กซี่สตาร์ ใส่ชุดว่ายน้ำอวดหุ่นแซ่บลงไอจี ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ อาการน้องปาลินหลังผ่าตัด? “ตอนนี้อยู่ในช่วงระหว่างพักฟื้นรักษาตัว ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปก่อน เพราะช่วงนี้แผลยังปิดไม่สนิท ยังไม่แห้งซะทีเดียว กลัวเชื้อโรคเข้าไปแล้วทำให้ไม่สบายอีกครั้งนึง” น้องผ่าตัดเรื่องอะไร? “ต่อมอะดีนอยและต่อมทอนซิลโตค่ะ โตแบบปิดทางเดินหายใจ เหลือไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ชัดมากตอนคุณหมออกจากห้องผ่าตัดแล้วบอก ตอนเอ็กซเรย์ คุณหมอคาดการณ์ว่าน่าจะประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่มีช่องทางเดินหายใจแต่พอผ่าแล้วปรากฎว่าเหลือน้อยมาก ถามว่านี่น้องใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง” เขามีอาการยังไง? “ปาลินอาการน้อยมาก แค่หายใจแรง เป็นไข้นิดหน่อยเราก็เข้าใจได้ เพราะลูกไปโรงเรียนอาจเจอเชื้อโรคเข้าปาก เป็นหวัด เป็นไข้เล็กน้อยเลยไม่ผิดสังเกตมาก แต่พี่โปรดเป็นเยอะ เป็นไข้ที่ค่อนข้ารุนแรง เหมือนมือเท้าปาก RSV พอหายปุ๊บก็เป็นโรคนี้ต่อ ของพี่โปรดจะจับสังเกตได้ง่ายกว่า แต่ปาลินน้อยมาก” ตอนปาลิน เป้ยสังเกตลูกว่าอะไรผิดปกติ? “มันแปลกตรงที่คนเรานั่งเฉยๆ ทำไมหายใจแรง ไม่ได้ทำอะไรเลย วาดรูปเฉยๆ หายใจแรง เราก็คุยกับทุกคน คุยกับคุณพ่อพี่เลี้ยงว่ามันแปลกๆ เขาก็บอกว่าเราคิดมาก วิตกจริตหรือเปล่า แต่เราบอกว่าไม่เอาต้องพาไปตรวจ พาไปเอ็กซเรย์ ต่อมนี้จะมีบทบาทช่วง 1-10 ขวบ หลังจากนั้นมันจะค่อยๆ ลดบทบาทของมันไป แต่ช่วงพีคๆ คือ 2-6 ซึ่งเด็กต้องไปทำโน่นนี่ ทำกิจกรรม อาจมีเชื้อโรคเข้ามา กลายเป็นว่าต่อมนี้สะสมแล้วปิดกั้นทางเดินหายใจ พอพอปิดกั้นทางเดินหายใจ ก็จะหายใจแรง เวลานอนก็สะดุ้งเฮือก หยุดการหายใจบ้าง พอเป็นแบบนี้จะส่งผลต่อพัฒนาการของลูกและสมอง พอเพาะเชื้อโรคเยอะๆ ก็ทำให้ไม่สบาย เป็นโรคโน้นโรคนี้ง่ายอีก” ตอนกับน้องโปรดเป็นยังไง? “จริงๆ ยาก เป้ยไม่ได้สตรองเลยเป้ยร้องไห้เยอะมากๆ แต่เรามีประสบการตอนพี่โปรดแล้ว เราก็เก็บข้อมูลทั้งหมดเพื่อมาจัดการกับปาลิน ว่าจะเป็นแบบไหน เพื่อให้เป็นไปได้มากที่สุด ตอนโปรด เป้ยคุยเรื่องนี้แทบไม่ได้เลย คุยแล้วมันรู้สึกไม่อยากให้เกิดกับชีวิตเราแล้ว แต่พอเกิดปุ๊บ เราต้องฮีลใจตัวเองให้แข็งแรงเพื่อไปดีลกับปาลินให้แข็งแรง และทำยังไงก็ได้ห้ามให้ลูกเห็นว่ามันเรื่องใหญ่แล้ว ต้องคุยกับพี่โปรดด้วย โปรดเขาก็น่ารักมาก พอบอกว่าน้องเป็นเหมือนพี่โปรดนะ ต้องทำแบบนี้ๆ กับน้องนะ เขาก็รู้ว่าเป้ยเซนซิทีฟเรื่องนี้ ตอนผ่าตัดเป้ยก็เล่าให้เขาฟัง ว่าเป้ยกอดตุ๊กตาเน่าๆ ของเขาที่เป้ยไม่ชอบ แล้วเป้ยก็นั่งร้องไห้ มองท้องฟ้า อธิษฐานทุกอย่างว่าความดีที่แม่ทำมาทั้งหมด ขอให้ลูกแข็งแรง และตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย อันนี้คือสิ่งที่เป้ยกังวล พอเขารู้ว่าเป้ยกังวลปุ๊บ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร แม่เครียดใช่มั้ย เดี๋ยวโปรดจะอยู่ข้างน้องให้กำลังใจเขาและจะบอกน้องว่าไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คิด คือเขาก็เข้ามาช่วยเป้ย ซึ่งเขาทำได้ดีมากๆ เราก็ไม่กล้าชมลูกออกสื่อ กลัวคนหมั่นไส้ แต่เขาน่ารักมากๆ จนเป้ยและคุณป๊อปรู้สึกเซอร์ไพรส์ มันดีจังเลย กับการที่มีพี่ชายมาช่วยตรงความรู้สึกเราด้วย ช่วยให้น้องไม่กังวล สังเกตได้จากคลิป ปาลินไม่มีความกังวลอะไรเลย ก่อนผ่าตัด พี่โปรดตื่นตั้งแต่ตีสี่ อาบน้ำแต่งตัวเอง เพื่อพาน้องเข้าห้องผ่าตัด น้องจะได้ไม่ต้องกังวล” น้องกังวลมั้ย? “ไม่เลย เพราะเป้ยวางแผนรัดกุมมาก เป้ยไม่มีการหลอกปาลินเลย ทุกอย่างเป็นไปตามความจริง แต่อาจลดทอน เป้ยให้ดูรูปห้องผ่าตัด แต่อาจไม่มีรูปมีดและกรรไกร ก็อธิบายว่าต้องเป็นสเต็ปไหนบ้าง ต้องเจาะเลือด อธิบายให้เห็นภาพจริงๆ มันจะเจ็บนิดนึงนะ ก็บอกตามความเป็นจริง เพื่อพอถึงเวลาเขาจะได้ไม่ต้องกลัวหรือกังวล ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะพอถึงเวลาเขาไม่ต้องจับมัดตัวอะไรเลย เขานอนชิลให้เจาะเลือดเลย เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเบื้องต้นเขาต้องเจออะไรบ้าง แล้วถ้าพูดถึงระดับการเชื่อฟัง ปาลินจะเชื่อฟังพี่โปรดมากกว่าเป้ย (หัวเราะ) พี่โปรดเขาจะรู้สึกอุ่นใจ โดยที่เป้ยแทบไม่ต้องทำอะไร” บอกพี่โปรดยังไง? “เหมือนเขารู้เลยว่าต้องจัดการอะไรกับน้อง ตอนนี้โปรดอายุ 11 ปาลิน 4 กำลังจะ 5 ค่ะ เป้ยก็เคยแอบคิดว่าห่างเกินไปจะเป็นเรื่องที่ดีหรือเปล่า แต่กลายเป็นเรื่องที่ดี เพราะเขาโตพอจะเข้าใจว่านี่คือน้อง” ผลการผ่าตัดที่บอกว่าปาลินเหลือเนื้อที่ในการหายใจ 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นยังไง? “บางทีเอ็กซเรย์มันไม่เห็น อย่างคุณหมอบอกว่าชม.ครึ่งน่าจะเสร็จแล้ว แต่ปาไปสองชม.ครึ่ง เราฟีลคนนั่งไม่ติด มันเกิดอะไรขึ้น แล้วไม่มีคำตอบเลย เราก็ได้แต่รออย่างเดียว นั่งไม่ติดเลย ทั้งเป้ยและโปรด” พี่โปรด คุณพ่อชวนไปซื้อกาแฟก็ไม่ไปไหนเลย? “พ่อก็สายชิล ชวนไปซื้อกาแฟ แต่เขาบอกขอรอน้องก่อน น่ารักค่ะ ที่นานเพราะมันใหญ่กว่าที่คิด หมอถึงได้ถามว่านี่ใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง” ตอนน้องโปรดเป็นกับปาลินเป็น อาการเหมือนกันมั้ย? “ปาลินจะใหญ่กว่า การหายใจ ของพี่โปรดรุนแรงกว่า คือป่วยบ่อยเห็นได้ชัด แต่การใช้ชีวิตต่างกัน โปรดก็ไม่มีอะไรให้สังเกตมากนักเหมือนกัน สังเกตได้ชัดๆ คือป่วยบ่อย พาไปพ่นยา กินยา รักษาปีกว่านะคะ ไม่ใช่เอะอะผ่าตัดเลย ทำสลีปเทสต์แล้วด้วยแต่ผลไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น จนเราสงสัยว่าทำไมป่วยบ่อยจัง เดือนนึงป่วยสองสามรอบไม่ได้ไปโรงเรียนเลย เราก็เลยไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เราเอ็กซเรย์ดูมั้ย อันนี้เอ็กซเรย์ก็เจอเลย เราก็ยังยื้อนะ ไม่ผ่าได้มั้ย เพราะกลัวมาก ปรากฎว่าพอเขาป่วยบ่อยจนทำอะไรไม่ได้ก็เลยตัดสินใจผ่าแล้วกัน อย่างน้องปาลิน เอ็กซเรย์ปุ๊บคุณหมอเห็นว่าใหญ่ก็บอกให้ผ่าเลย แต่เราขอยืดเวลาขอเป็นช่วงปิดเทอมแล้วกัน จะได้ไม่ขาดเรียน อาศัยการพ่นยาเอา” ถ้าไม่ผ่าผลตามมาจะเป็นยังไง? “หลัง 6 ขวบเป็นไปได้ที่มันอาจดีขึ้น แต่เราจะปล่อยให้ลูกเราไปถึงตอนนั้นเหรอ พอกลางคืนหลับไม่สนิทมันส่งผลถึงทุกอย่าง ทั้งพัฒนาการและสมอง หยุดหายใจตอนกลางคืน มันก็ไม่ดีกับลูกเรา เลยตัดสินใจผ่า” หลังปาลินฟื้น? “บอกลูกเลยว่าถ้าลูกลืมตามาจะมีแม่อยู่ข้างๆ ตลอดเวลา แม่จะไม่หายไปไหน พอเจอเราเขายังสลึมสลืออยู่ แต่มวลรวมดีกว่าตอนพี่โปรดเยอะมาก เราอาจมีประสบการณ์ของพี่โปรดด้วย รู้ว่าต้องทำยังไง ก็ทำให้น้ำตาลดน้อยลง แต่ความกังวลใจมีเหมือนเดิม ลูกถูกวางยา เราก็ไม่อยาก กลัวไม่ตื่น กลัวไปต่างๆ นานา” สองคนมีทะเลาะกันมั้ย? “เขาดีลกันได้ลงตัว พี่โปรดมีวิธีจัดการกับปาลินได้ดีมากๆ เราอาจบอกบ้าง แต่ด้วยพื้นฐานนิสัยเขา เขารู้ว่าต้องจัดการกับน้องยังไง เวลาคุยกับเขา เราจะตอบอะไรโง่ๆ ออกไปไม่ได้เลย เราต้องมีเหตุผล อย่างขอโพสต์รูปรับรางวัลได้มั้ย แฟนคลับเขาจะได้ชื่นชม เขาบอกว่าทำไมเราเก่งต้องบอกให้คนอื่นรู้ด้วย เราก็เออ ก็จริงว่ะ ก็เป็นอันเข้าใจ อย่างเป้ยก็อยากรู้สเปกลูก แค่หลอกถาม (หัวเราะ) ชอบผู้หญิงประมาณไหน สเปกเป็นยังไง เปิดไอจีให้ดู แบบนี้ชอบมั้ย หมวยๆ หรือฝรั่ง เขาไม่ได้บอกสเปกแต่เขาบอกว่าชอบผู้หญิงที่เป็นแบบแม่ ไม่ได้สวยแบบแม่นะ เขาบอกว่าชอบที่อายุเท่านี้แต่ยังดูแลตัวเอง เราก็โอ๊ะ อย่างนี้เลยเหรอ แม่งอแงกับลูกไม่ได้นะ(หัวเราะ) เป้ยฟีลเหมือนแม่จริงจัง บางทีปรี๊ดก็ต้องไปต่อยตุ๊กตา หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า แล้วค่อยมาคุยด้วยเหตุผลกับลูก มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เราไม่เอาคำตอบเราไปกะเกณฑ์ลูก” เคยเผลอปรี๊ดมั้ย? “มีบ้าง แต่มันไม่ได้ผลเลย (หัวเราะ) ต้องค่อยๆ สังเกต ปรี๊ดแล้วไม่ได้ผล ลงโทษแล้วไม่ได้ผล มันนานแล้วจริงๆ น้อยมากตอนนี้เราเรียนรู้นิสัยลูกแล้ว พอรู้ว่าต้องดีลยังไง ทุกอย่างก็ง่ายมาก แม่ต้องปรับตัวค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้ใจเย็นหรอก พอกลับมาถึงบ้านทุกอย่างที่เจอข้างนอก กลายเป็นไม่เกิดอะไรขึ้น เข้าบ้านมาก็ต้องสงบ” เคยโดนลูกบ่น? “เมื่อก่อนช่วงโควิด พอเห็นเราแต่งตัวนิดๆ หน่อยๆ เขาจะถามว่าทำไมต้องแต่งตัวเซ็กซี่ จะไปไหนหรือเปล่า จะทำอะไรหรือเปล่า ก็มีบ่นเล็กน้อย ช่วงหลังเขาไม่ค่อยบ่นเป้ยแล้วเพราะรู้ว่าทุกอย่างคืองานของแม่ เป้ยค่อยๆ คุยกับเขาว่านี่คืองานของแม่นะ เขาก็เข้าใจได้ แล้วช่วงโควิด เราดูซีรีส์ก็ติดเนอะ เวลาไคลแม็กซ์ ลูกก็มาบอกให้ทำนั่นนี่ให้หน่อย เขาก็มาบ่น (หัวเราะ) งงมากทำไมจำชื่อได้ เขาบ่นว่าเราสายตาสั้น เราก็สายตาสั้นจริงๆ (หัวเราะ)” ชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ตลอด? “จริงๆ ตอนถ่ายไม่ได้คิดว่าต้องเซ็กซี่ คำว่าเซ็กซี่สำหรับเป้ยมันผ่านมานานมากแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราอาจมีภาพลักษณ์ตรงนั้น แต่ ณ วัยนี้ วัยของเป้ย ที่เป็นคุณแม่ ถ้าคนมองลูกเป้ย อยากให้มองเรื่องการดูแลตัวเองน่าจะดีกว่า ในความรู้สึกเป้ยตอนถ่ายก็ไม่ได้โพสต์ท่าอะไรเลย ตอนนี้เป้ยหนัก 46-47 มั้งคะ ไม่ได้ชั่งเลย ส่วนออกกำลังกายไม่ใช่จริตของเป้ย การออกกำลังกายดีนะ แต่ไม่ใช่จริตของเป้ย เป้ยคิดว่าการที่เป้ยวิ่งตามลูก ไปถ่ายละคร คือนี่การออกกำลังกายของเป้ย” คุณสามีว่าไง? “เขาโอเคที่เราเป็นคนดูแลตัวเอง แต่เขาไม่โอเคถ้าเราเป็นคนที่ผอมมาก เขาเตือนว่าขอแค่นี้นะ อย่าผอมกว่านี้ได้มั้ย ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ถ้าคนจะผอม” ยังสวีตกับสามีมั้ย? “อย่าถามแบบนี้เลย มันสิบกว่าปีแล้ว เป้ยเล่นกับลูกยังไง เป้ยก็จะเล่นกับคุณป๊อปแบบนั้น เรากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับลูกยังไง เราก็ทำกับสามีแบบนั้น เราแกล้งลูกยังไงก็ทำกับสามีแบบนั้น มันเหมือนเล่นกันมากกว่า เลยไม่ได้มีพาร์ทกินข้าวใต้แสงเทียนอะไรแบบนี้ ก่อนแต่งกับหลังแต่งก็เหมือนเดิมเลย เป้ยชอบกอด ชอบจับ ชอบสัมผัส เราชอบทานอะไรคล้ายๆ กัน กินปิ้งย่างติดมันเยอะๆ ก็จะไปกินกันแบบนั้น ไม่มีฟีลใต้แสงเทียน แต่ไปดูหนังด้วยกันก็มี ไลฟ์สไตล์ค่อนข้างตรงกัน” ลูกนอนด้วยบ้างมั้ย? “นอนด้วยกันสองคน (กับสามี) เยอะมาก ลูกมานอนบ้างเป็นช่วงเวลาค่ะ” ลูกคนที่ 3? “ไม่เอาแล้ว สองคนกำลังดี สำหรับเศรษฐกิจแบบนี้ เวลาไปไหนมันไม่เหนื่อยเกินไปสำหรับเป้ย ก่อนแต่งงานคิดว่ามีลูกคนเดียวน่าจะพอ แต่ไปๆ มาๆ มีอีกสักคนก็ดีนะ หญิงคนชายคน ก็เลยสอง ตอนนี้ปิดอู่แล้วค่ะ สามีทำหมันเรียบร้อยแล้วค่ะ ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube …

“เป้ย ปานวาด” เปิดใจครั้งแรก “ปาลิน” ผ่าตัดครั้งใหญ่ Read More »

 Iron Chef เปิดศึกวัยเก๋า “ต้ม ผัด แกง ทอด” “คุณเหน่ง” จัดเมนูเด็ด..ขอดับซ่า “เชฟป้อม” ยังคงดุเดือดกับการประชันฝีมือของเหล่าสุดยอดเชฟทั่วทุกมุมโลกกับรูปแบบและกติกาใหม่ของรายการ Iron Chef Thailand One On One Battle ของบริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด นำทีมความสนุกโดยมีสองพิธีกรคนเก่ง ตั๊ก นภัสกร มิตรธีรโรจน์ และ ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ     ร้อนแรงไม่มีตกกับการประชันฝีมือของเหล่าบรรดาเชฟจากทุกสายอาหารทั่วประเทศในรายการ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย  กับรูปแบบและกติกาใหม่ Iron Chef Thailand One On One Battle   สัปดาห์นี้พบกับคุณเหน่ง อมร สุดสาคร  พ่อครัวและเจ้าของร้านข้าวแกงตาเหน่ง ร้านข้าวแกงชื่อดังย่านวังบูรพาที่เปิดขายมากว่า 20 ปีและยังติดอันดับ 1 ใน 10 ร้านข้าวแกงเจ้าอร่อยของกรุงเทพมหานครจากเว็บไซต์รีวิวชื่อดัง  การก้าวเข้าสู่สนามประลอง …

 Iron Chef เปิดศึกวัยเก๋า “ต้ม ผัด แกง ทอด” “คุณเหน่ง” จัดเมนูเด็ด..ขอดับซ่า “เชฟป้อม” Read More »

เงาะ กชกร เปิดใจที่แรก เคยผ่าตัดเปลี่ยนไต ตอนนี้ต้องกินยากดภูมิไปตลอดชีวิต! นักแสดงแถวหน้ากว่า 30 ปี เงาะ กชกร ที่วันนี้มาเผย มุมมองความรักเป็นยังไงบ้าง พร้อมเล่าเหตุการณ์สุดช็อกกับการผ่าตัดครั้งใหญ่ ที่ถึงขั้นต้องเปลี่ยนไต ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี หนิง ปณิตา และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ พี่เงาะจะถูกวางตัวให้เป็นบทนำตลอด ต่อให้ไม่ได้เป็นนางเอก หรือเป็นตัวร้ายชัดๆ แต่บทต้องโดดเด่นมากๆ ? เงาะ : เรียกว่ามีเนื้อเรื่องให้เล่นอยู่ แต่บางเรื่องก็มีนิดหน่อยที่หลวมตัวรับเล่น คือคุยกันไม่ชัดเจน ถ้าพูดถึงบทบาทแม่ นี่คือตัวท็อปคนนึงเลยที่ผู้จัดต้องนึกถึง แต่วันที่เปลี่ยนเทิร์นจากไม่ได้เป็นแม่ แล้วผู้ใหญ่วางว่าเธอมาเล่นบทแม่ให้หน่อย ซึ่งตอนนั้นอายุพี่เงาะก็ยังไม่เยอะ? เงาะ : ยังไม่เยอะ ตอนนั้นรู้สึกเฟลไปเลย? เงาะ : อย่างที่บอกตอนแรกๆ พี่ได้รับบทบาทเป็นตัวสอง เป็นตัวเด่นมาตลอด ก็ยังเล่นเป็นเพื่อนนางเอกบ้างไปสักพักผู้ใหญ่บอก เงาะเดี๋ยวมารับเรื่องนี้นะ รับบทเป็นแม่ เราก็แบบช็อกนิดนึง ตอนนั้นอายุยังไม่ 30 เลย ยังรับไม่ได้ แล้วช่วงนั้นประกอบกับว่ามีธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริมเข้ามาด้วย กำลังศึกษาอยู่ เราแพลนตัวเองไปเป็นนักธุรกิจก่อนดีกว่าไหม ตอนนั้นเรายังไม่น่าเหมาะกับบทแม่ เรียกว่าเกือบทิ้งวงการไปเพราะคำว่าบทแม่? เงาะ : ถูกต้อง ทิ้งวงการไปเลย 5 ปี โดยไม่รับละครเลย เรายังคิดตัวเรายังไม่ถึงขนาดบทแม่ ยังเล่นเป็นเพื่อนนางเอกได้ เล่นเป็นตัวสอง ตัวสามได้ แล้วอยู่ดีๆ มาเปลี่ยนเป็นบทแม่ เราจะถึงไหม ลองเปลี่ยนไปทำธุรกิจก่อนไหม แล้วตอนนั้นก็มีโอกาสมาด้วย ก็ไปศึกษาธุรกิจก่อนดีกว่า ตอนนั้นถ้ามันดีอาจจะไม่กลับเข้าวงการอีก และหลังจากธุรกิจมันเริ่มดีแล้วก็มีคนติดต่อดข้ามาพอดี ถ้าเรารับละครอีกมันก็ช่วยธุรกิจที่เราทำอยู่ มันยังไปเอื้อกันได้ ก็ลงมารับบทแม่เรื่องแรก หลังจากนั้นก็แม่มาเรื่อยๆ เลย ตอน 47 พี่เงาะเคยป่วยหนักอยู่ครั้งนึง หรือว่าตอนปี 47 ? เงาะ : ปี 47  แล้วพี่ก็หายไปแว๊บนึง เพราะว่าไม่สบาย? เงาะ : ไม่ใช่ จริงๆ เรื่องไม่สบายไม่มีใครรู้เลย นอกจากครอบครัวแล้วก็คนรอบข้าง แต่คนวงการบันเทิงไม่เคยรู้ พี่เปิดที่นี่ที่แรกเลยนะ อยากให้เป็นประสบการณ์ให้ดูแล ระวังการใช้ชีวิต อย่าประมาทในการใช้ชีวิต เพราะว่าประสบมากับตัวเอง ก่อนหน้านี้ช่วงเข้าวงการใหม่ๆ เราทำงานตั้งแต่อายุ 19 ถ่ายละครตั้งแต่เช้า ยันเที่ยงคืน บางครั้บเกือบถึงตี4  เข้าไปนอนแป๊บเดียว มันก็วนเวียนอยู่แบบนี้ การกินไม่เป็นเวลา การนอนไม่เป็นเวลา ขับถ่ายไม่เป็นเวลา อาหารการกินทุกอย่างมันดูแย่มาก มันส่งผลมาถึงสุขภาพของพี่ ประมาณปี 47 มีอาการปวดหัว เราก็ไปซื้อยามากินเอง …

เงาะ กชกร เปิดใจที่แรก เคยผ่าตัดเปลี่ยนไต ตอนนี้ต้องกินยากดภูมิไปตลอดชีวิต! Read More »

“วีวี่” ลูกสาว “ต้อม รัชนีกร” สุดนอยด์ หลังถูกคนสบประมาท ยังไง? ก็ดังเพราะมีแม่เป็นดารา” งานนี้ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมานิยาม มีแค่คำเดียวคือ “สวยได้แม่” สำหรับ “วีวี่ เวอร์โรนิก้า” ลูกสาวคนสวยของคุณแม่หน้าไทย “ต้อม รัชนีกร” ที่ควงคู่กันมาออกรายการ “คุยแซ่บShow” ทางช่องOne31 เพราะก่อนหน้านี้ ได้เกิดเป็นไวรัลว่าเด็กสาวคนนี้ทำไมร้องเพลงเพราะจัง หลังไปออกรายการแข่งขันการร้องเพลงมา โดนทั้งคู่มาเม้าท์มอยสไตล์แม่ลูก รับวันแม่ที่กำลังจะมาถึง พร้อมสไตล์การเลี้ยงลูกแบบไม่เหมือนใคร รวมถึงคำถามที่ทำให้ “สาวต้อม” ถึงกับสะอึกจนเกลายเป็นเรื่องทะเลาะกัน เมื่อลูกสาวถามว่าพ่อของหนูคือใคร? เห็นว่าคุณแม่ ไม่รู้ว่าลูกร้องเพลงได้? ต้อม : คือตอนเด็กๆ ไม่ว่าจะร้องเพลง หรือตีกลอง หรืออะไร นางจะไม่ให้แม่รู้ นางจะอาย นางจะเขิน อย่างตอนเด็กที่จะไปประกวดร้องเพลง เราก็เอาลูกไปให้เพื่อนของเราสอน แต่อิแม่ต้องไปอยู่ข้างนอก ห้ามอยู่ตอนที่กำลังสอน ไม่งั้นลูกจะไม่ยอมร้องเพลง แต่เอาก็แอบดูผ่านกระจก อยากรู้ว่าร้องได้ไหม วีวี่ : หนูเป็นคนขี้เขิน เขินกับทุกคนเลย เขินมากกับคนที่อยู่ใกล้ตัว อย่างวันนี้มาออกรายการและเพื่อนเห็น และมาแซวเราก็เขินไปอีก  แต่ความสามารถวีวี่ขนาดนี้ แต่แพ้คนที่มาร้องลิปซิงค์? วีวี่  : มันไม่ได้เชิงลิปซิงค์ แต่เหมือนว่าเขาเอาไมค์มาเอง เอาอุปกรณ์มาเอง เขาออโต้จูนกับไมค์ ยังไงเขาก็เพราะกว่าหนูอยู่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ไม่รู้ว่าเขาเตรียมอุปกรณ์มาขนาดนี้ เพราะคิดว่าถ้าคนเราเก่งจริง อุปกรณ์พวกนี้ไม่ต้องใช้ก็ได้นะ ซึ่งเราได้ที่ 2 แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไร แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ต้อม : ตอนแรกเราก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่เขาก็เล่าให้ฟังว่าคนกรี้ดให้เขาเยอะกว่าคนที่ได้ที่หนึ่งอีกนะ เราก็บอกว่าให้จงภูมิใจเพราะได้เสียงกรี้ดเยอะกว่า และเรื่องเป็นเนื้องอกในคอตอนกี่ขวบ? วีวี่ : ประมาณ 10 กว่าๆ ขวบ คือตอนนั้นถ้าจับหรือส่องกระจก คอหนูบวมกกว่าคนปกติ เหมือนคนเป็นไทรอยด์ พอจับๆ เจอเป็นลูกกลม เราก็คิดว่าทุกคนก็อาจจะมี แต่อาจจะใหญ่กว่าคนอื่น จนไปถามแม่ แม่ก็บอกปกติมั้ง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นเราก็ไปหาหมอ เขาก็บอกว่ามันปกติ  ต้อม : พอเขาสงสัยแบบนี้ เราก็เข้าสายมู ให้ขึ้นจุดธูปบอกพระพิฆเนศ เขามีความผูกพันธ์ตรงนี้ ขอว่าถ้าวีวี่เป็นอะไรก็ขอให้พระพิฆเนศบอก  จะได้แก้ไขทัน เขาจุดธูปบอกกลางคืน เช้ามาเจ็บทันทีเลย ก็เลยส่งโรงพยาบาล อาการเด่นชัดคือเป็นเนื้องอก หมอก็ผ่าเลย ด้วยการส่องกล้องจากแผลเล็ก ซึ่งค่าใช้จ่ายก็สูง แต่ก็ไหวอยู่ ซึ่งก้อนเท่ากำปั้น  วีวี่ : ตอนนั้นเราก็ไมได้กลัวนะ หมอเขาคุยกับแม่ เราแค่คิดว่ามันกำลังจะออกไปจากตัวเราแล้ว แต่แม่กลัวว่าเราไม่ตื่นเพราะยาสลบ ซึ่งหลังจากนั้นก็ชาๆ ที่แผลไป 6 เดือน ซึ่งพักฟื้นนานเป็นปี กว่าจะกลับมาร้องเพลงได้ เพราะเราไม่มั่นใจในการเปล่งเสียง อะไรที่ทำให้เรามั่นใจกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง? วีวี่ : เป็นเพราะว่าเราโตขึ้น สังคมมันทำให้เรารู้ว่าถ้าเรามีของดี เราก็ไม่ต้องเก็บมันไว้ หนูมั่นเกินไปไหมอ่ะ (หันไปถามพิธีกร) เพราะเมื่อก่อนหนูนอยด์บ่อย เพราะมีคนพูดว่าเขาได้ทำแน่ๆ เพราะเขาเป็นลูกดารา ซึ่งไม่ชอบคำนี้  ต้อม : เราก็บอกเขาว่า เขาเลือกลูกเอง ไม่ใช่เป็นเพราะวีวี่มีแม่เป็นดารา  แม่ลูกคู่นี้นิสัยเหมือนกันมาก? ต้อม : ก็นางบอกว่าส่องกระจกก็คือเหมือนแม่มาก รู้สึกว่านางจะได้แบบเวลาเครียดมากๆ ก็ช่างมัน ปล่อยมันเร็วเหมือนเรา ซึ่งเราก็เป็นแบบนี้ เพราะเราเองก็ปลูกฝังแต่เล็กๆ ว่าอย่าไปใส่ใจกับคนที่นินทาเรา และนางก็จะบอกว่าแม่อย่าซื้อชุดแก่นะ เดี๋ยวหนูใส่ไม่ได้ ส่วนในเรื่องที่งอนกัน คือนางเป็นตั้งแต่ ม.4 เรื่องการเรียน นางมาถามว่าแม่อยากให้เรียนคณะอะไร นี่ก็บอกว่าแล้วแต่ลูกเลย อยากเรียนอะไร ก็เรียน สรุปลูกเครียด ถามกลับว่าทำไมแม่ไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่นเขาเลย  วีวี่ : ตอนนั้นมันต้องเข้ามหาลัยฯ มันต้องเลือกสายที่เรียนแล้ว มันเกี่ยวกับอนาคต เราก็เลยถามว่าอยากให้เรียนอะไรดี แต่แม่ตอบกลับว่าก็แล้วแต่ อ้าววว…ก็เราคิดไม่ออก แล้วมาให้แม่ช่วยคิด แม่ก็ไม่ช่วยคิด เราก็งงไปอีก ซึ่งถามว่าคำแนะนำของแม่สำคัญไหม ก็คือจะฟังเป็นคนแรกๆ เลย เพราะเราฟังตัวเองและฟังแม่ด้วย แต่ด้วยคำตอบของแม่ที่อยากให้เราเรียน เรารู้อยู่แล้ว แต่เราก็เลือกในสิ่งที่อยากเรียน เราไม่ได้เลือกเพราะชอบ เพราะเราขี้เบื่อ แม่จะบอกว่าอะไรที่เราทำแล้วชอบ เราจะอยู่กับมันได้จนตาย  ต้อม : เพราะถ้าเลือกในสิ่งที่แม่ชอบ แต่ถ้าลูกไม่ชอบ หนูก็จะไม่มีความสุข และวันที่เขาสอบเทียบได้ เราน้ำตาไหลเลยเราดีใจ เราถามว่าได้ด้วยเหรอ นางส่งไลน์มาให้ดูว่าติดอันดับที่ 11 และเขาก็มากอดเรา พูดกับเราว่าหนูช่วยแม่ได้แค่นี้ เราก็เฮ้ย…ลูกเราโตแล้ว ก็แม่จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเทอมมัธยมแล้ว เพราะสอบเทียบไปมหาลัยเลย เราก็น้ำตาคลอ วีวี่ : เราก็เพิ่งรู้ตอนนี้ว่าเขาร้องไห้ ก็เซอร์ไพร์สนิดนึง หนูบอกตลอดว่าเราโตแล้ว แต่แม่ก็ไม่ฟัง(ยิ้ม) และอะไรทีทำให้ทะเลาะกันครั้งใหญ่? ต้อม : ตอนนั้นวัยรุ่นตอนต้น เขาไม่อยากให้เรามีแฟน เราไม่คิดเลยว่าลูกเราจะหน้าตาร้ายกาจขนาดนี้ เขาทำทุกวิธีทาง พูดแรงมาก เขาไม่เคยมีสายตาแบบนี้ มันรุนแรงมาก เหมือนเขากลัวว่ามีใครจะมาแย่งความรักไปจากเขา  วีวี่ : ตอนนั้นหนูก็เด็ก และเราก็ไม่มีแฟน ก็เลยไม่เข้าใจว่าจะมีไปทำไม  ต้อม : และอีกเคสนึง เขาอยากรู้เรื่องพ่อเขา แต่เราไม่เคยบอกเขาเลย จน ณ วันนั้นเขาดื้อกับเรา เพราะเรื่องนี้เป็นเหตุเลยบอกว่ารู้ได้ แต่ห้ามเกลียดพ่อ เขาเลยพูดกลับมาว่าทำไมเขาทำกับแม่หนูแบบนี้ และตั้งแต่นั้นก็เปลี่ยนความคิด ก็เลยบอกว่าเราต้องให้โอกาสคนอื่นนะ เราไม่รู้ว่าแต่ละคนที่เข้ามาเป็นแบบไหน เพราะไม่มีประโยคของคำว่าเฮียอยู่ที่หน้าผาก ตอนนี้รับได้ไหม ถ้าแม่มีแฟน และแม่มีแฟนไหม? วีวี่ : รับได้แล้วค่ะ ต้อม : มีค่ะ คนนี้คือเขาต้องรับลูกเราได้ และลูกต้องโอเคกับเขา ก็บอกเขาไปว่าถ้าหนูไม่โอเคก็ต้องบอกแม่เลยนะ แม้แม่จะรักเขามาก แต่แม่ก็จะเลิกเพื่อลูก วีวี่ : ปัจจุบันเราก็โอเค โอเคมากๆ ต้อม : ซึ่งถามว่าทำไมเราไม่เปิดตัว คือเขาไม่ยอมเปิด แต่จริงๆ ก็ไปด้วยกันทุกที่ เขาก้อยู่ของเขาแบบชิลล์ๆ อายุห่างกัน 8 ปี เขาเด็กกว่า  แล้วถ้าลูกมีแฟนล่ะ?  ต้อม : ตอนแรกๆ ที่เขามาปรึกษา เราก็ตุ้มๆ ต่อมๆ แต่เขาชอบใคร เราก็ชอบด้วย ก็มากินข้าวด้วยกัน และนางก็บังคับทุกอย่าง คือถ้ากอดนาง ก็ต้องกอดแฟนนางด้วย แต่เขาไม่ใช่ลูกฉัน ทำไมฉันต้องกอดมันด้วย (หัวเราะ) แต่ก็ต้องดูๆกันไปแหละ ติดตามชมรายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama คลิปสัมภาษณ์ ต้อม รัชนีกร 

11 ผู้เข้าแข่งขันสุดช็อค!! “กล่องปริศนา”ทำชีวิตพินาศ กลับมาสร้างความสนุกความมันส์กันอีกครั้งกับรายการ มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย ซีซั่น 6 “อาหารไทย” (MasterChef Thailand Season 6)ของบริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัดกับสุดยอดการแข่งขันการทำอาหารของเหล่าบรรดา HOME COOK เพื่อเฟ้นหาเพียงหนึ่งเดียวเป็น มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย คนใหม่พร้อมรับเงินรางวัล 1 ล้านบาท   เกินครึ่งทางของการแข่งขันกันแล้วแต่สัปดาห์นี้เหล่าบรรดา HOME COOK ทั้ง 11 คนยังคงต้องเจอกับโจทย์จาก 3 กรรมการกับการแข่งขัน กล่องปริศนา ( Mystery Box )แม้จะคุ้นเคยกันดีแต่ทุกครั้งที่เปิดกล่องปริศนาทุกคนก็ยังคงตื่นเต้นกับวัตถุดิบที่อยู่ข้างในตลอด โดยครั้งนี้บอกเลยว่าเป็นการเปิดกล่องปริศนาที่ทำเอาทั้ง 11 คนถึงกับส่ายหัวหน้าเครียดกันเป็นแถวเพราะวัตถุดิบที่เรียงรายอยู่นั้นล้วนแต่เป็นวัตถุดิบเหนือความคาดหมายเพราะวัตถุดิบทุกอย่างล้วนมาจากต่างแดน หลายชนิดผู้เข้าแข่งขันยังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร และที่สำคัญโจทย์การแข่งขันคือการนำเอาวัตถุดิบต่างแดนเหล่านี้มารังสรรค์ให้กลายเป็นอาหารไทย!! เมื่อทุกคนฟังแล้วถึงกับช็อคเพราะรู้ว่าโจทย์นี้มันยากสุดๆ แถมยังต้องเจอแรงกดดันจากกรรมการตลอดว่าต้องการอาหารไทยที่ทำจากวัตถุดิบต่างชาติไม่ใช่อาหารต่างชาติ เรียกว่าเป็นอีกโจทย์การแข่งขันที่ทำเอาทุกคนต้องจดจำไม่มีวันลืม ซึ่งโจทย์ความท้ายทายครั้งนี้จะสร้างความหายนะให้กับทั้ง 11 คนมากน้อยขนาดไหน แล้วใครจะต้องจบเส้นทางความฝันแล้วกลับบ้านเป็นคนต่อไป       ติดตามชมการค้นหาคนธรรมดาที่มีใจรักในการทำอาหาร พร้อมกับฝีมือที่ไม่ธรรมดาเพื่อจะก้าวเป็น …

11 ผู้เข้าแข่งขันสุดช็อค!! “กล่องปริศนา”ทำชีวิตพินาศ Read More »

Iron Chef ร้อนระอุ!! “เชฟอาร์”ปะทะเดือด “เชฟโอม”เปิดศึกอาหาร “อิตาเลี่ยนสุดสร้างสรรค์ที่โลกต้องจดจำ”     ยังคงดุเดือดกับการประชันฝีมือของเหล่าสุดยอดเชฟทั่วทุกมุมโลกกับรูปแบบและกติกาใหม่ของรายการ Iron Chef Thailand One On One Battle ของบริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด นำทีมความสนุกโดยมีสองพิธีกรคนเก่ง ตั๊ก นภัสกร มิตรธีรโรจน์ และ ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ     แรงไม่มีแผ่วกับการประชันฝีมือของเหล่าบรรดาเชฟจากทุกสายอาหารทั่วประเทศในรายการ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย  รูปแบบและกติกาใหม่ Iron Chef Thailand One On One Battle   สัปดาห์นี้พบกับเชฟโอม ทรงพล สิทธิสร  เชฟหนุ่มไฟแรงผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารอิตาเลี่ยนและยูโรเปี่ยนมากว่า 10 ปี แถมยังเคยผ่านการดูแลร้านอาหารในโรงแรมระดับ 5 ดาวมาอีกหลายแห่ง ดังนั้นเรื่องของฝีมือจึงไม่ธรรมดาแน่นอน การก้าวเข้าสู่สนามประลอง คิทเช่นสเตเดี้ยม   เพราะอยากท้าประลองกับเชฟอาร์ เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย  เชฟที่มีประสบการณ์จากการแข่งขันเวทีทั่วโลก …

Iron Chef ร้อนระอุ!! “เชฟอาร์”ปะทะเดือด “เชฟโอม” Read More »

เมย์ พิชญ์นาฏ เผยฤกษ์แต่ง พร้อมรายชื่อเพื่อนเจ้าสาว 12 คน รวมตัวท็อปของวงการบันเทิง เมย์ พิชญ์นาฏ เปิดใจหลังเป็นว่าที่เจ้าสาวคนล่าสุดของวงการบันเทิง พร้อมเผยเพื่อนเจ้าสาวตัวท็อปทั้งหมด 12 คนจากทั้งหมด 22 คน แถมบอกแต่งปุ๊บมีลูกเลย งานนี้จะเป็นเพราะความเชื่อหรือวิทยาศาสตร์กันแน่ โดยเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ย้อนไปกลางเดือนมิถุนายน เป็นบรรยากาศถูกขอแต่งงานแบบงงที่สุดในชีวิต? เมย์ : ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่ามันเรียกว่าขอแต่งงานหรือเปล่า พี่หนิงหรือเพื่อนๆ ทุกคน ถามว่าไปขอกันตอนไหน แทบจะโกรธเราไปแอบขอแล้วไม่บอกหรือเปล่า หรือว่าชวนเพื่อนไม่ครบ มันไม่ได้มีโมเมนต์เหมือนที่คู่อื่นๆ ที่เขาสวมแหวนคุกเข่า เซอร์ไพรส์กัน มันไม่มี เราไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย คือไปทานข้าวกันปกติ ย้อนหลังวันเกิด แฟนเขาก็ให้ของขวัญปกติทั่วไป แล้วระหว่างเราแกะ เขาถามว่าชอบไหม ชอบชิ้นไหนที่สุดตั้งแต่เขาให้ ที่ไปเที่ยวกัน ชอบไปที่ไหน ถามหลายคำถามมาก ถามเยอะมาก คำถามสุดท้ายอยากแต่งงานหรือยัง เขาพร้อมแล้วนะ แล้วเขาก็พูดของเขาไปคนเดียวเรื่อยๆ มันไม่มีประโยคว่าแต่งงานกันไหมด้วยซ้ำ เขาพูดเอง เออเอง จนถ้าเกิดพร้อม เมย์ไปเลือกเลยนะจะใช้ออแกไนซ์ที่ไหน จนเมย์บอกใจเย็นๆ นะ เราไปปรึกษาพ่อ แม่ ก่อน เดี๋ยวเมย์ไปถามที่บ้านก่อนว่าที่บ้านเมย์โอเคกับบิ๊กไหมแล้วบิ๊กไปถามพ่อ แม่ ก่อนว่าโอเคกับเราไหม แล้วเราเอาพ่อ แม่ มาคุยกัน สุดท้ายมันก็จบการทานข้าววันนั้น โดยที่มันไม่ได้มีแหวน ไม่ได้มีแบบเราแต่งงานกันไหม ไม่มี ความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นยังไง? เมย์ : มันงงพี่หนิง เอาจริงๆ ตอนแกะของขวัญเห็นแล้วกล่องใหญ่ ไม่ได้แหวนอีกแล้ว คิดในใจ เพราะเพื่อนทุกคนบอกว่า เมย์ไปเที่ยวประเทศนี้ใส่สีขาว เดี๋ยวเขาต้องขอ วันเกิดมาแน่ คือเพื่อนเขาจะบิ๊วตลอด ตอนวันเกิดดันเป็นโควิดอีกแบบไม่มีแล้วโมเมนต์นี้ ได้ของขวัญเห็นแล้วกล่องใหญ่ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่แหวนแน่นอน ก็ไม่เป็นไร ก็แกะไปเรื่อยๆ มันงงๆ มากกว่า จนเขาพูดไปเรื่อยๆ จนจบ เดี๋ยวๆ นี่คือขอแต่งงานหรืออะไร ก่อนหน้านี้สัก 1-2 ปี เมย์เคยถามคุณบิ๊กว่าเราจะคบกันยังไง เราจะแต่งงานกันไหม แต่เขาตอบ? เมย์ : เขาบอกก็ดูกันไป เขาก็ไม่ได้อะไรแบบนั้น ให้ไปดูก่อนเรามีอะไรต้องแก้ เขามีอะไรต้องแก้ เขายังไม่ 100% ด้วย ความที่ผู้หญิงถามว่าความชัดเจนข้างหน้าคืออะไร แล้วพอผู้ชายบอกว่า เดี๋ยวดูๆ กันไปก่อน จริงๆ มันมีฟิวจึกเหมือนกันนะ? เมย์ : ใช่ เราก็จะคิดว่า เอ๊ะเราจะคบต่อ หรือจะยังไงดี  แต่มันก็ไม่ได้คาดหวังแล้วแหละ พอมันมาถึงจุดจุดนึงก็ช่างมันดีกว่า แสดงว่าความรู้สึกดีมันนำหน้าความคาดหวังไปแล้ว? เมย์ : ใช่ มันเหมือนกับว่าถ้าเราต้องไปกดดันให้เขามาแต่งงานกับเรา แล้วเกิดเขาไม่พร้อมแล้วเขามาบอกเลิกเรา เราไม่ได้อยากไปเริ่มใหม่กับคนอื่น เรารู้สึกไม่เป็นไรหรอก ก็เป็นฟิวแฟนไปตลอดชีวิตก็โอเค เคยบอกเขาด้วยซ้ำว่าแค่บอกมา แล้วเขาเหมือนไปคิดอยู่ เรารอลุ้นอยู่แล้ววันที่ขอมันไม่มีแหวน? เมย์ : คือวันนั้นมันงงจริงๆ มันจะตลกมากกว่า เห้ย…นี่คือขอเหรอ แล้วแหวนล่ะ เขารีบพูดเลย แหวนบิ๊กยังไม่มีนะอยากจะถามว่าอยากไปเลือกด้วยกันไหม เพราะว่าเมย์ต้องใส่ไปตลอดชีวิต กลัวจะไม่ถูกใจ เขาก็น่ารัก แต่เมย์รู้สึกว่าทำไมต้องคิดมากขนาดนั้น เมย์เป็นคนชอบเซอร์ไพรส์ งั้นไปหามาเองเลย เมย์อยากเซอร์ไพรส์บ้างว่าเขาจะให้หน้าตาแบบไหนมา แล้วมาตั้งสติได้ตอนไหน? เมย์ : พี่จำได้ไหมวันที่เราไปกินโอมากาเสะกัน วันนั้นคือหลังจากที่เขาคุยเรื่องนี้แป๊บเดียวเอง แล้วระหว่างกินเมย์ก็คิดอยู่บอกดีไหม แล้วเมย์ไม่รู้ยังไง อยู่ดีๆ กระแตก็หันมา จะแต่งงานหรือยังเนี่ย รีบๆ เลยนะ แล้วเมย์ก็อึ้ง พี่ก็หันมามองด้วย เมย์ก็แบบ น่าจะใกล้แล้วนะ ในใจคืออยากบอกมาก แต่ ณ ตอนนั้นเราคิดว่าเราเก็บเป็นความลับก่อน เพราะมันยังไม่มีแหวน เขาเหมือนจะให้แหวนอีกที จากวันนั้นรู้ตัวว่าเขาขอเป็นเรื่องเป็นราวตอนไหน? เมย์ : จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ขอเป็นเรื่องเป็นราว อ่อๆ เขาขอวันที่ พ่อ แม่ เจอกัน เขาไม่ได้พูด แต่ผู้ใหญ่คุยกัน เรานั่งอยู่ด้วย แล้วมีเพื่อนคุณพ่อที่เป็นเพื่อนทั้งสองฝั่ง เขาบอกว่าเนี่ย ลูกสาวเขารักกันมา พ่ออนุญาตไหม พ่อก็บอกว่าอนุญาต แล้วคุณแม่ติดอะไรไหม คุณแม่ก็ไม่ติด มันจบเร็วใน 5 นาที แล้วเขาก็ไปเม้าท์เรื่องอื่นกัน เมย์ก็เลยคิดว่านั่นก็คือการขอแล้ว แต่บิ๊กเขานอนไม่หลับนะ เขาตื่นเต้นมากนะกับการที่จะต้องไปคุยกับพ่อ แม่ คุณ? เมย์ : เขามาบอกว่าคืนนั้นเขานอนไม่หลับเลยทั้งคืน ซึ่งเมย์ไม่รู้เรื่อง ตัวเมย์หลับสบายเลย เมย์รู้สึกดี เราชอบอะไรที่เรียบง่าย ชัดเจนก็จบแล้ว แต่เขาคงตื่นเต้น เขาคงไม่เคยไปขอผู้หญิง หรือเอาผู้ใหญ่มาเจอ มันคงเขิน เขาน่าจะตื่นเต้น เพราะเขาเตรียมส้ม เตรียมอะไรมาใหญ่เลย เห็นว่ามีวลีเด็ดจากคุณพ่อ คุณพ่อพูดอะไรกับคุณบิ๊ก? เมย์ : คุณพ่อง่ายๆ เลย คือเขาบอกว่า อนุญาต เขามีวิธีอย่างหนึ่งที่ดูบิ๊กมา เขารู้สึกว่า เขาชอบตรงที่เป็นคนใจเย็น มีความเป็นผู้ใหญ่ พ่อฝากข้อคิดไว้แล้วกัน คนเราคบกัน ต่างคนต้องมีโลกส่วนตัวเป็นของตัวเองที่เราอย่าไปก้าวก่ายว่าเธอต้องเป็นของฉัน ฉันต้องเป็นของเธอ เราเคยเป็นเพื่อนกันยังไงให้คงความเป็นเพื่อนกันด้วยในอนาคต ตอนนี้วางแพลยเรื่องพิมพ์กร์ดเรียบร้อยหรือย้ง? เมย์ : ไดฤกษ์แล้วค่ะ 16 ธันวาคม เพิ่อนเจ้าสาวตัวท็อประดับประเทศทั้งนั้นมีกี่คน? เมย์ : นอกวงการ 10 คน ในวงการ 12 ค่ะ เพื่อนเจ้าสาวในวงการก่อนมีใครบ้าง? เมย์ : ทุกจะมีมาตอรี่ ที่เรารักกันมากๆ จริงๆ เพิ้อน 12 คน 3 ครแรกเป็นรุ่นพีแล้วกัน ก็จะมี พี่เอ ศุภชัย แล้วก็พี่อั้ม พี่เมย์เฟื่อง คือ 3 คนนี้เตอกันตีตั้ยแต่เด็ก พี่อั้มชวนยากไหม? เมย์ : ไม่ยากเลย เราโทรไปจะยังไง เรากำลังจะแค้ส่วนเขาโสด โทรไปพี่จะดีใจไหม เมย์กำลังจะแต่งงาน เขาก็ดีใจสิ หนิง : เขาดีใจเพราะว่าอะไรรู้ไหม เพราะเมย์มีคำสัญญาไว้กับเขาแล้วก็พี่นะ เมย์ : ของพี่หนิงเราจะเลี้ยงกันตลอดชีวิต ถ้าใครโสด แต่ของพี่อั้มเคยพูดว่า ใครแต่งก่อนต้องจ่ายอีกคนแสนนึง พี่เมย์ เฟื่อง ก็อยู่ในแก๊งพี่อั้มที่เราเห็นตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนเขาจะพาเราไปร้องคาราโอเกะ ทำให้เรารู้จักคาราโอเกะส้มตำปูม้า กินอะไรเผ็ดๆ มาจากแก๊งนี้ ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่เชิงกรุ๊ป ทุกคนรู้จักสนิทกันหมดแหละ วุ้นเส้น แป้งก็เล่นหนังด้วยกัน แล้วตอนนั้นรับละครเรื่องนึง จริงๆ เมย์ไม่เคยเล่นละครเรื่องเดียวกับวุ้นเลยนะ แต่ว่าวันบวงสรวงมันเป็นค่ายเดียวกันมั้ง แล้วเราไปบวงสรวงแล้วเจอเขา ตอนนั้นเราอยู่เอแบค เขาอยู่ ม.กรุงเทพ แต่ความสวยของเขาดังมาถึงม.เรา เราได้ยินชื่อ คนอะไรวะชื่อวุ้นเส้น พอเราได้เห็นตัวจริง เขาขาว เขาออร่า แล้วเขาไนน์มาก เขาเดินมา เมย์ๆบวงสรวงเสร็จเราไปสยามกันไหม เราสนิทกันเร็วมาก กระแต ครีม พี่หนิง เป้ย ใช้ช่างแต่งหน้าคนเดียวกัน จนเรามาสนิทกันหมด อีกคนที่ไปสนิทได้ยังไงคือ ปอย ตรีชฎา? เมย์ : สมัยเด็กๆ เพิ่งเข้าผับได้ เราก็ไปเที่ยว เจอประจำที่หน้า 2 สลึง เมย์จำได้เลยครั้งแรกที่เจอเขาสวยมาก เพิ่งได้จำแหน่ง ผู้ชายทุกคนจ้องจะจีบเขา เรารู้สึกว่าเขาสวย อยากสนิทด้วย ก็สนิทกันตั้งแต่ตอนนั้น จริงๆ เราไม่ได้เจอกันบ่อยแต่รู้สึกแบบตอนเขาแต่งงาน เขาก็คิดถึงเรา เราก็พลาดไม่ได้ เราก็ต้องเอาเขามาด้วย จริงๆ มีเปิ้ล ภารดี ด้วย ที่สนิทกับพี่หนิงไม่ใช่แค่ใช้ช่างแต่งหน้าคนเดียวกัน แต่มันเกิดมาจากปีไก่? เมย์ : พี่จำได้ไหม หนิง : ตอนงานหมั้นหนิง หนิงหาคนที่เกิดปีไก่ไม่ได้ที่จะต้องขึ้นไปส่งตัว ตอนหนิงแต่งงาน เพราะเหมือนดวงมันถูกโฉลกกัน เมย์ : เรื่องมันเกิดขึ้นว่า พี่ช่างแต่งหน้าวันนั้นต้องไปแต่งหน้าพี่แนนน้องพี่หนิง  แล้วเมย์ก็บอกว่าพี่ตึกแต่งให้เมย์ด้วยเมย์จะไปงานพี่หนิง เขาบอกงั้นเธอมาแต่งที่โรงแรมเลยได้ไหม เพราะฉันแต่งญาติหนิงอยู่ที่นี่ เมย์เลยไปนั่งแต่ง พอแต่งเสร็จปุ๊บอยู่ดีๆ ก็มีคนเข้ามาในห้อง ใครเกิดปีไก่ ส่งตัวพี่หนิง หนูก็ยกมือขึ้นมา แล้วหลังจากนั้นเขาก็เอาเมย์ไปนั่งข้างพี่หนิงตอนส่งตัว หลังจากนั้นรู้สึกว่าพี่หนิงเขารักเรามากขึ้น ตอนที่ไปขอพี่หนิงมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว ยากไหมกว่าเขาจะตอบตกลง? เมย์ : ไม่ได้คิดว่ายาก ไม่มีใครไม่ตอบตกลง ต่อให้พี่หนิงโกรธหรือเกลียดเมย์อยู่ เมย์ก็คิดว่ามันก็ต้องเป็น แต่จริงๆ มีสนิทเกินกว่านี้อีกเยอะ  แล้วเมย์จะบอกยังไง บางทีมันมีการตกหล่น? เมย์ : บางทีมันมีความลำบากใจเหมือนกัน ขอโทษด้วยถ้าใครงอน จริงๆ เราก็รักทุกคน แต่เดี๋ยวเชิญมา ไม่ต้องห่วงทุกคนที่ได้มางานคือคนที่เรารักทั้งหมด มีอีกหนึ่งคน ทาทา ยัง? เมย์ : เรารู้จักกันมานานมาก เขาเป็นคนคุยเก่ง แล้วเมย์ก็ชอบเขา ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันบ่อย แต่ทุกครั้งที่คุยเรารู้สึกว่าเขาเห็นเราเป็นเพื่อน เรารู้สึกทราบซึ้ง จนตอนที่เขาจะแต่งงาน วันก่อนแต่งงานเขาโทรมาหาเมย์ เขาบอกพรุ่งนี้เขาจะแต่งงาน แล้วทาทาก็คิดถึงเมย์มางานได้ไหม เราก็ไป เราจำคำพูดเขาไม่ได้ แต่รู้สึกว่าวันนึงที่เราแต่งงาน เราก็จะให้เขามาเป็นด้วย  เป็นอีกคนที่ไม่ว่าไปงานแต่งงานจะเป็นคนที่รับช่อดอกไม้ในงานแต่งตลอด รอบบนี้จะโยนสักกี่ช่อ? เมย์ : ไม่ใช่ช่อเดียวแน่ๆ แต่ขอคิดก่อนว่ากี่ช่อดีที่กำลังสวย แต่ว่า พี่หนิงมารับได้แล้วนิ หลายๆ คนเข้าใจว่าเมย์ถ่ายพรีเวดดิ้งแล้ว ที่รางรถไฟ? เมย์ : ไม่ใช่ แค่ทำคอนเทนต์วาเลนไทน์ แต่ทุกคนคิดว่าเป็นพรีเวดดิ้งหมดเลย  ดาราพอประกาศแต่งงานปุ๊บคนก็สงสัย ท้องหรือเปล่า? …

เมย์ พิชญ์นาฏ เผยฤกษ์แต่ง พร้อมรายชื่อเพื่อนเจ้าสาว 12 คน รวมตัวท็อปของวงการบันเทิง Read More »