ไอซ์-อามีนา” มิกซ์ลุคตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ กับราชินีแห่งเรือนเวลา “Reine de Naples”

ไอซ์-อามีนา” มิกซ์ลุคตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ กับราชินีแห่งเรือนเวลา “Reine de Naples” คอลเลคชั่นใหม่

ถือว่าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นางเอกสาว ไอซ์-อามีนา กูล สุดๆ กับสุดยอดแห่งเรือนเวลาหรูระดับมาสเตอร์พีซสำหรับผู้หญิงของแบรนด์ Breguet (เบรเกต์)  รุ่น “Reine de Naples” (แรน เดอ นาปล์) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลกที่รังสรรค์ขึ้นในปี 1812 เพื่อถวายแด่แคร์โรลีน มูราต์ (Caroline Murat) พระราชินีแห่งเนเปิลส์ และพระขนิษฐาในจักรพรรดินโปเลียน ล่าสุดได้เผยคอลเลคชั่นใหม่ Reine de Naples หมายเลข 8918BB กับความพิเศษที่ได้มีการคิดค้นฟังก์ชั่น “Day-Night” และ “Striking Hour” ขึ้นมาโดยเฉพาะ พร้อมส่งต่อความสวยสง่าหรูหรา สุดเลอค่า ทำให้สาวไอซ์ประทับใจกับความงามประณีตอันเป็นเอกลักษณ์กับคอลเลคชั่นงานดีไซน์ อันทรงคุณค่าของเรือนเวลารุ่นนี้

โดย สาวไอซ์ เผยว่า  “ไอซ์เป็นคนที่ชอบ Storyline ของ เบรเกต์ อยู่แล้ว เป็นนาฬิกาที่มี History ที่เราเห็นว่าเป็น Story ที่สวยงาม พออ่านแล้วเรารู้สึกว่าอินกับ เบรเกต์ด้วย อย่างนาฬิกาเรือนนี้ก็มีคาแรกเตอร์ที่ดูเรียบแต่มีอะไรน่าค้นหามากๆ บวกกับตัวไอซ์เองที่ไม่ได้แต่งตัวฉูดฉาด พอมีนาฬิกาเรือนนี้ก็ทำให้ตัวเรามีคาแรกเตอร์ที่เด่นขึ้นมามาขึ้นเหมือนเสริมส่งกันและกัน ซึ่งที่ไอซ์ใส่เป็นสีดำไวท์โกลด์ (White gold) ก็เอาไปแมตซ์กับชุดเดรสสีดำ มันก็จะมีความ Luxury ที่ดูเรียบแต่ดูมีความ elegance ในตัวของมันอยู่แล้วไม่ต้องใส่อะไรเพิ่มเติมให้ดูเยอะ เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาของขวัญให้กับคนพิเศษหรือจะเป็นของขวัญให้กับตัวเองก็อยากให้ลองดูเรือนนี้เป็นนาฬิกาที่สามารถที่จะใส่เป็น Everyday Look ก็ได้ หรือจะใส่ไปงานก็ได้จะเสริมสร้างบุคลิกให้คุณดูมีความ Luxury แบบน้อยแต่มากค่ะ”

โดย Reine de Naples ตัวเรือนจะมีความโดดเด่นเป็นรูปไข่ ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนามาเป็นรูปทรงรี อันเป็นที่โปรดปรานของลูกค้าทั่วโลก อีกทั้งยังมีกลไกเฉพาะตัว นับว่าเป็นรุ่นนาฬิกาสุภาพสตรีที่โด่งดังที่สุดของ Breguet ตั้งแต่คอลเลคชั่น “Queen” กับรูปลักษณ์ที่หรูหราแต่แฝงอารมณ์แคชชวล ไปจนถึงความงามสง่าของเรือนเวลาประดับเพชร ซึ่งทำให้สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างไม่มีใครเสมอเหมือนและไร้ที่ติ  สำหรับ Reine de Naples หมายเลข 8918BB โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีดำกับศิลปะการลงยาแบบ Grand Feu (กรองด์ เฟอ) ซึ่งเป็นการผสมผสานซิลิกาและออกไซด์ ทำให้เกิดเป็นอีนาเมลที่มีเฉดสีมากมาย กว่าจะได้แต่ละเฉดสีจะทำละลาย ณ อุณหภูมิที่แตกต่างกัน จากนั้นจึงนำอีนาเมลเคลือบบนหน้าปัดนาฬิกาและนำไปอบในเตาเผาที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส ด้วยความร้อนสูงระดับนี้ อีนาเมลจะละลายและเกิดเป็นการเคลือบลงยาชั้นแรก หลังจากนั้น จะทำขั้นตอนนี้ซ้ำหลายครั้งจนกว่าจะได้เฉดสีอีนาเมลที่ต้องการ ซึ่งทุกวันนี้มีช่างฝีมือชาวสวิตเซอร์แลนด์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในศิลปะแขนงนี้  เรียกว่าพิถีพิถันขั้นสุดทุกขั้นตอน

ส่วนหน้าปัดก็ได้มีการเติมแต่งให้ดูราวกับมีชีวิตด้วยตัวเลขอารบิกสีเงินในสไตล์เอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ Breguet และภายในตรงตำแหน่ง เลข 6 ประดับด้วยเพชรรูปหยดน้ำ น้ำหนัก 0.08 กะรัตขอบหน้าปัดและเพลตหน้าปัด (dial flange) ประดับเพชร 117 เม็ด (0.664 กะรัต) เม็ดมะยมประดับเพชร (0.28 กะรัต) หัวล๊อคสายนาฬิกาแบบสามทบประดับเพชร 28 เม็ด (0.164 กะรัต)

ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นคลาสสิคแห่งยุคที่จะมาเสริมความมั่นใจอย่างสง่างามให้กับสุภาพสตรีในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ใครสนใจนาฬิการุ่นพิเศษเรือนนี้สามารถติดตามรายละเอียดและสั่งซื้อกันได้ที่ทางเว็บไซต์ https://www.breguet.com/en#